© copyright Lamaithailand 2003 All Rights Reserved บริษัท ละไม (ไทยแลนด์) จำกัด 299/783 สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 โทร. 086-970-8319, 081-988-3531, 095-163-6592 E-mail : info@lamaithailand.com |
เมืองสามหมอก พอฤดูหนาวมาเยือนทีไร ก็ทำให้คิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือเที่ยวป่าเที่ยวดอยทุกที โดยเฉพาะช่วงปลายปีซึ่งมีวันหยุดเยอะ ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็นก็ช่างเป็นใจ ทำให้หลาย ๆ ท่านวางแพลนขึ้นเหนือเพื่อไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น ชมดอกไม้บานสะพรั่งสีสันสวยงาม โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่หลายท่านหมายตาไว้ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ วันนี้ผมจึงขอเล่าเรื่องราวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เผื่อท่านที่กำลังลังเลอยู่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ยิ่งช่วงนี้ได้ข่าวว่าที่พักหายากเต็มที สำหรับท่านที่ต้องการไปชมทุ่งดอกบัวตองที่กำลังเบ่งบานเหลืองอร่ามไปทั่วดอยล่ะก้อ ต้องรีบหน่อยครับ เพราะหลังจากกลางเดือนธันวาคมไปแล้ว ดอกบัวตองก็เริ่มโรยรา ถ้าไปถึงที่แล้วไม่ได้ชมดอกบัวตอง ก็จะเสียดายแย่เลยครับ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับการขนานนามว่า “เมืองสามหมอก” หรือ “เมืองหมอกสามฤดู” ก็เพราะเมืองนี้เป็นเมืองแห่งขุนเขา โอบล้อมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน อากาศเย็นจนถึงหนาวจัด และมีหมอกขาวปกคลุมตลอดทั้งปี อีกทั้งยังสวยงามด้วยธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรอันบริสุทธิ์ ผู้คนจิตใจงดงามมีมิตรไมตรีต่อผู้มาเยือน มีวัฒนธรรมประเพณีที่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่จนทุกวันนี้ จึงทำให้แม่ฮ่องสอน เป็นเมืองที่น่าหลงใหลของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และอยากไปเยือนมากที่สุดเมืองหนึ่ง มนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนี้คือการเดินทางไปถึงแม่ฮ่องสอนนั้น ต้องผ่านเส้นทางที่เป็นเขาสูง มีความคดโค้งถึง 1,864 โค้ง สิ่งนี้ทำให้ผู้เดินทางรู้สึกมีคุณค่าต่อการมาเยือน แต่ในปัจจุบันมีอีกเส้นทางหนึ่งที่สะดวกสบายกว่า และย่นระยะทางได้มากกว่า คือ ทางหลวงหมายเลข 1095 เส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย ตัดจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านอำเภอปาย และไปถึงอำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน ด้วยระยะทางเพียง 245 กิโลเมตร หากท่านขึ้นไปถึงเมืองแม่ฮ่องสอนแล้ว อย่าลืมไปรับใบประกาศนียบัตร ในฐานะที่สามารถพิชิตเส้นทาง 1,864 โค้ง ที่สำนักงานหอการค้าของจังหวัดนะครับ เมื่อไปถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ขอแนะนำท่านไปสักการะอนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก และท่านได้สร้างพระธาตุเจดีย์องค์เล็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเจดีย์อยู่ที่ดอยกองมูอีกด้วย อนุสาวรีย์ของท่านตั้งเด่นตระหง่านอยู่ต้นถนนขุนลุมประพาส แล้วขึ้นไปกราบพระธาตุดอยกองมู พระธาตุสำคัญเป็นที่เคารพสักการะของชาวแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ทางขึ้นก็ไม่สูงชันมาก เป็นถนนลาดยาง ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร จากจุดนี้ยังสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ยังมีวัดเก่าแก่ที่มีศิลปะแบบไทยใหญ่งดงามดูแปลกตา ที่น่าสนใจ คือวัดจองคำ เนื่องจากเสาวัดประดับด้วยทองคำเปลว เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งจำลองมาจากพระศรีศากยมุนีที่วิหารวัดสุทัศน์ วัดจองกลาง อยู่ติดกับวัดจองคำ ในวิหารมีแท่นบูชาประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จำลอง และมีตุ๊กตาแกะสลักด้วยไม้ ฝีมือช่างชาวพม่า และมีภาพจิตรกรรมบนแผ่นกระจกบอกเล่าเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดกและภาพพุทธประวัติ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยอดีต มีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาพม่า วัดหัวเวียง ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องประจำเมือง “พระเจ้าพลาละแข่ง” โดยหล่อจำลองมาจากพระมหามุนี ซึ่งเป็นพระเจ้าพลาละแข่งองค์จริงแห่งเมืองมัณฑะเลย์นั่นเอง รูปแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นของที่นี่ จะเห็นว่าบ้านเรือน มีลักษณะเป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง ใช้ใบตองตึงมุงหลังคา หรือวัดแบบท้องถิ่น ก็จะมีศิลปกรรมภายในวัดเป็นรูปแบบของชาวไทยใหญ่ เนื่องจากชาวไทยใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองของแม่ฮ่องสอน ซึ่งในอดีตนั้นอพยพมาจากรัฐฉานของพม่า ที่มีอาณาเขตติดต่อกับทางทิศเหนือของแม่ฮ่องสอน การแต่งกายของชาวไทยใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกับทางพม่า ผู้ชายสวมเสื้อแขนกระบอกตรง ๆ และกางเกงแบบจีน ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อแขนกระบอกเอวลอย นุ่งผ้าถุงแบบผ้าซิ่น นอกจากนี้แล้วแม่ฮ่องสอนยังมีชาวเขาอีกหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งแต่ละเผ่าก็มีวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกันไป ได้แก่ เผ่าม้ง อาศัยอยู่ทั่วไปในหลายอำเภอ แบ่งย่อยอีกเป็นสองกลุ่มชน คือ ม้งลายและม้งขาว เราสามารถสังเกตง่าย ๆ จากสีกระโปรงของผู้หญิงม้ง หากสวมกระโปรงปักลวดลายคล้ายบาติก เรียก ม้งลาย หากสวมกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาว เรียก ม้งขาว งานปีใหม่ของชาวม้งเริ่มในวันแรม 15 ค่ำของเดือนธันวาคม มีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และประกอบพิธีเรียกขวัญของพืชผล พอถึงเวลาเพาะปลูกจะได้พืชผลงอกงามดี เผ่ากะเหรี่ยง เป็นชนเผ่าที่มีจำนวนมากที่สุดในแม่ฮ่องสอน อาศัยอยู่ในทุกอำเภอ แบ่งเป็นสองกลุ่มเช่นกัน คือ กะเหรี่ยงสะกอ และกะเหรี่ยงโปว ซึ่งทั้งสองกลุ่มนั้น มักจะสวมสร้อยคอลูกปัดสีต่าง ๆ เต็มคอ และสวมกำไลเต็มข้อมือ หากเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะสวมชุดเสื้อสีขาวที่ยาวลงมาถึงขา แต่กะเหรี่ยงโปวจะทอเส้นไหมสีแดงในผืนผ้าทำให้เกิดลายนูน ชุดของกะเหรี่ยงสะกอลายผ้าทอจะเป็นแบบเรียบ ๆ ส่วนเทศกาลขึ้นปีใหม่ของเผ่านี้ จะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเพาะปลูกพืชผล โดยหมอผีประจำหมู่บ้านจะประกอบพิธีเพื่อให้เพาะปลูกผลผลิตได้ดี และมีการล้มหมูล้มควายทำอาหารแจกจ่าย และกินเลี้ยงฉลองกันในหมู่บ้าน เผ่ามูเซอ แบ่งเป็น มูเซอดำ และมูเซอแดง สังเกตความแตกต่างได้จาก เครื่องแต่งกายผู้หญิงมูเซอดำจะสวมกางเกงสีดำสวมเสื้อสีดำตัวใหญ่ยาวลงมาถึงเข่า แขนยาว ส่วนมูเซอแดงจะนุ่งผ้าถุงและเสื้อมีแถบผ้าสีแดงตกแต่งบนเสื้อแขนยาว เอวลอยสีดำหรือสีฟ้า ปีใหม่ของเผ่ามูเซอ จัดช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ประมาณ 4-5 วัน โดยจะมีการเล่นต่าง ๆ เช่น เล่นลูกข่าง โยนลูกช่วง เต้นรำกันสนุกสนาน และมีการไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านอื่น ๆ ด้วย เผ่าลีซอ หญิงสาวเผ่านี้มีลักษณะเด่นคือเครื่องแต่งกายจะมีสีสันสดใส เป็นกระโปรงติดกันตัวหลวมกว้าง ป้ายมาติดกระดุมข้างซ้าย ยาวคลุมเข่า และมีแถบผ้าสีสันต่าง ๆ ประดับชุด งานฉลองปีใหม่ของเผ่าจะจัดขึ้นช่วงเทศกาลตรุษจีน มีการทำอาหารเซ่นไหว้บูชาศาลประจำหมู่บ้าน จากนั้นก็เลี้ยงฉลองกันเองและร้องรำทำเพลงกันในหมู่บ้าน เผ่าลัวะ ผู้ชายแต่งกายคล้ายชาวไทยใหญ่ มีผ้าสีโพกหัว ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว ยาวมาถึงเอว นุ่งผ้าซิ่นสั้นประมาณหัวเข่าสีดำสลับแถบสีอื่น ๆ และจะมีผ้าพันแข้ง ชาวลัวะมีพิธีเลี้ยงผีต๊ะงอในช่วงเดือนธันวาคม ถึง มกราคม เป็นเวลา 3 วัน ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของเผ่าลัวะ ในวันที่สามของพิธีเป็นวันอยู่กรรม ตามประเพณีทุกคนห้ามออกไปนอกหมู่บ้านในวันนี้ เที่ยวชมในเมืองแม่ฮ่องสอนกันแล้ว หากออกจากตัวเมืองไปประมาณ 17 กิโลเมตร ตามทางหลวง 1095 สายแม่ฮ่องสอน-ปาย มีสถานที่น่าสนใจ คือ วนอุทยานถ้ำปลา ภายในถ้ำจะเป็นแอ่งน้ำ มีน้ำไหลตลอดเวลา มาจากถ้ำที่อยู่ใต้ภูเขา และมีปลาพลวงขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในถ้ำเป็นจำนวนมาก ช่วงกลางวันปลาพลวงเหล่านี้จะมาอยู่บริเวณหน้าปากถ้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม บ้างก็ให้อาหารแก่ปลาพลวง บริเวณโดยรอบ วนอุทยานถ้ำปลานั้นจัดเป็นสวนสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป พักผ่อนหย่อนใจได้ เดินทางมาถึงเมืองปาย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ในฝันของใครหลายคนว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเยือนเมืองนี้ให้ได้ เมืองปายเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน บรรยากาศในปายนั้น มีทั้งผู้คนท้องถิ่น ชาวเขา และนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาวที่ชื่นชอบการเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต มีร้านกาแฟ ร้านค้าเล็ก ๆ แผงลอยอยู่ดาษดื่นขายของที่ระลึก ขายสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อหากันตามชอบใจ ที่ปายมีที่พักให้เลือกหลายรูปแบบหลายราคา ถ้าเป็นหนุ่มสาวชาวต่างชาติก็มักจะเช่าเกสต์เฮาส์อยู่ เพราะสะดวกสบาย ราคาประหยัด พอตกเย็นก็ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ชมบรรยากาศบ้านเรือนท้องถิ่น มองดูผู้คนขวักไขว่ บ้างก็ขายของ บ้างก็ซื้อของ บ้างก็เดินเล่นกินลมชมวิว มาเที่ยวปายทั้งที โปรแกรมที่ไม่อยากให้ท่านพลาดเลยก็คือ การล่องเรือลำน้ำปาย ขอแนะนำว่าควรล่องในช่วงเช้า เพราะอากาศดี ท่ามกลางหมอกขาว และสายลมหนาว บรรยากาศสุดยอดเลยครับ แม่น้ำปาย นั้นถือเป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเมืองปายมาจนถึงทุกวันนี้ แม่น้ำสายนี้มีความยาว 180 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาแดนลาว ไหลลงทางทิศใต้ของปาย ไหลผ่านเมืองแม่ฮ่องสอน แล้วไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวิน ในเขตรัฐคะยา ของพม่า ระหว่างล่องลำน้ำปายนั้น เราสามารถชมทัศนียภาพอันบริสุทธิ์งดงามตามธรรมชาติ ชมวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นแถวนั้น ยิ่งในช่วงปลายปีแบบนี้ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึง มีนาคม ระดับน้ำกำลังพอดี เหมาะอย่างยิ่งที่จะล่องเรือชมบรรยากาศลำน้ำปาย ไฮไลท์ของการไปเยือนแม่ฮ่องสอนในหน้าหนาวนี้ ที่จะขาดเสียไม่ได้เลย คือการไปชมทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ยังไงก็ควรไปภายในกลางเดือนธันวาคมนี้นะครับ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบเมื่อตอนต้นแล้วว่า หลังจากกลางเดือนธันวาคม ดอกบัวตองจะเริ่มเหี่ยวแห้งและโรยราไปในที่สุด การเดินทางไปชม ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 เส้นทางแม่ฮ่องสอน-ขุนยวม ก่อนจะถึงอำเภอขุนยวม มีทางแยกซ้ายหมายเลข 1263 เข้าไป 26 กิโลเมตร ก็เข้าสู่เขตทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ กินเนื้อที่กว้างนับพันไร่ มองเห็นดอกบัวตองบานเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วดอยแม่อูคอ กว้างไกลสุดสายตา สำหรับท่านที่ต้องการนอนเต้นท์ท้าลมหนาวอยู่บนดอย ทางอำเภอขุนยวมก็จัดเตรียมไว้บริการนักท่องเที่ยวครับ อย่างไรก็ตาม โทรสอบถามรายละเอียดและจองเต้นท์ล่วงหน้า กับทางอำเภอขุนยวม ก่อนไปนะครับ โทร. 053-691104
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร. 053-612982 - 3
|