เซิ่นเจิ้น (Shenzhen)
แดนสวรรค์ของนักช้อปสินค้าเลียนแบบ
ถ้าพูดถึงแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังระดับโลก คงหนีไม่พ้นฮ่องกง เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้าแฟชั่นทันสมัย และสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลก มีทั้งแบรนด์ที่ราคาแพงสุดโต่งจนไกลเกินฝัน และแบรนด์ที่อยู่ในราคาที่สามารถพอซื้อหาได้ แต่แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังสำหรับสินค้าประเภทก๊อปปี้เลียนแบบแบรนด์เนม นักช้อปปิ้งตัวยงคงต้องยกนิ้วให้ห้างหลอวู ซิตี้ (Lowu City ) แหล่งรวมสินค้าราคาถูกในเมืองเซิ่นเจิ้น แต่ก่อนจะไปถึงหลอวู เรามารู้จักกับเมืองเซิ่นเจิ้นกันก่อนดีกว่าครับ
เมืองเซิ่นเจิ้น (Shenzhen) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง เป็นเมืองชายแดนทะเลทางใต้ของจีน อยู่ตรงข้ามกับเกาะฮ่องกง มีพื้นที่ประมาณ 2,020 ตารางกิโลเมตร ในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงที่ออกเรือหาปลาอยู่ในแถบทะเลจีนใต้ ต่อมาปี ค.ศ. 1980 ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทำให้มีความเจริญ และความทันสมัยภายในเมืองนี้มากขึ้น มีอาคาร บริษัทห้างร้าน ธุรกิจต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่มีสิ่งปลูกสร้างมากขึ้น จำนวนประชากรก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย ในเขตเมืองมีประชากรอาศัยอยู่กว่าหกล้านคน ภาษาที่ใช้พูดกันก็มีทั้งภาษากวางตุ้งและจีนกลาง ส่วนสภาพอากาศที่เซิ่นเจิ้น อยู่ในเขตร้อนชื้น จึงมีฤดูร้อนที่ยาวนาน และบางวันมีฝนตกด้วย ในฤดูหนาวก็ไม่หนาวจัด อากาศกำลังสบาย ๆ ตลอดทั้งปี เฉลียอยู่ที่ 23 25 องศา
ส่วนที่มาของคำว่า เซิ่นเจิ้น ปรากฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ช่วงรัชสมัยหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1410) คำว่า เซิ่น แปลว่า ลึก ส่วนคำว่า เจิ้น เป็นภาษาท้องถิ่นใช้เรียกคูน้ำระหว่างท้องนา เนื่องจากที่นี่มีแหล่งน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับข้างหมู่บ้านมีคูน้ำลึกอยู่สายหนึ่ง จึงได้ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิประเทศ ในสมัยก่อนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทะเลก็ประกอบอาชีพทำประมง ส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณที่ราบลุ่มก็เป็นเกษตรกรปลูกข้าวและทำสวนลิ้นจี่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของเซิ่นเจิ้น และได้พัฒนามาเป็นชาลิ้นจี่ หยางกุ้ยเฟย รสชาติดี เป็นสินค้าส่งออกไปจำหน่ายยังหลายประเทศทั่วโลก
เซิ่นเจิ้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. เขตเมืองเซิ่นเจิ้น
2. เขตมณฑลเซิ่นเจิ้น
3. เขตเศรษฐกิจพิเศษเซิ่นเจิ้น มีพื้นที่กว่า 360 ตารางกิโลเมตร นับเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของประเทศจีน ได้รับการก่อตั้งในยุคปฏิรูป และเปิดประเทศสมัยรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิง จึงมีกลุ่มนักธุรกิจจากฮ่องกง ไต้หวัน พากันเข้ามาลงทุนในเซิ่นเจิ้นกันมาก เป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญจนทำให้เศรษฐกิจที่นี่เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่ามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุด
ด้วยความที่เมืองเซินเจิ้นเป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่สำคัญนี่เอง จึงทำให้มีกลุ่มนักธุรกิจ รวมถึงสินค้านานาชนิดไหลเวียนเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเซิ่นเจิ้นหลัก ๆ ที่ขึ้นชื่อ ได้แก่
หน้าต่างโลก (Window of the World) เป็นเมืองจำลองที่ได้รวบรวมเอาสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คหรือสัญลักษณ์สำคัญของประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก โดยจำลองขนาดย่อส่วนมาไว้ให้ชมในที่เดียว อาทิ หอไอเฟล (ฝรั่งเศส), หอเอนปิซ่า (อิตาลี), ทัชมาฮาล (อินเดีย), ปิรามิดกีซ่า (อียิปต์), ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ (ออสเตรเลีย) รวมทั้งวัดพระแก้วของประเทศไทย ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วผมว่าต้องมีเวลาสักสองวันเต็ม ๆ รับรองว่ากดชัตเตอร์กันเมื่อยมือเลยทีเดียว เพราะสถานที่กว้างขวางมาก และรวบรวมประติมากรรมจำลองที่มีชื่อเสียงของโลกมาไว้ถึง 118 อย่างทุกทวีปทั่วโลก เดินจนเมื่อยก็ยังดูไม่ครบ แต่ที่นี่เขามีรถรางลอยฟ้า (โมโนเรล) ให้ขึ้นชมรอบ ๆ เมืองจำลอง เสียค่าบริการนิดหน่อย แต่คุ้มครับเพราะนอกจากไม่ต้องเดินให้เมื่อยแล้ว เรายังได้ชมประติมากรรมจำลองต่าง ๆ ในมุมสูงได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
หมู่บ้านวัฒนธรรม (China Folk Culture Villages) จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตดั้งเดิม และขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าต่าง ๆ ที่อยู่ในทุกมณฑลของจีน ทั้งการแต่งกาย การดำรงชีพ และที่อยู่อาศัย ตั้งแต่บ้านไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวพื้นเมืองสิบสองปันนา ไปจนถึงบ้านแบบจีนโบราณในลี่เจียง นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีนท่ามกลางแสง สี เสียงอันงดงามตระการตา
พิพิธภัณฑ์เซิ่นเจิ้น (Shenzhen Museum) เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองเซิ่นเจิ้น มีทั้งโบราณวัตถุ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง
เมืองจำลองจีน (Splendid China) เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี ของจีนได้รวดเร็วภายใน 1 วัน เพราะที่นี่ได้จำลองสถานที่สำคัญ ๆ ของจีนไว้ด้วยกันมากมาย อาทิ กำแพงเมืองจีน กองทหารดินเผาและม้าศึกของจิ๋นซีฮ่องเต้ พระราชวังฤดูร้อน พระราชวังโปตาลาจากธิเบต รวมถึงสุสานและหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญของจีน ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์หวงตี้ เจงกิสข่าน ดร.ซุนยัดเซ็น นอกจากนี้ในพื้นที่อันกว้างขวางของเมืองจำลอง ยังมีอาหารนานาชนิดจากมณฑลต่าง ๆ ของจีนไว้ให้เลือกลิ้มลอง ที่ขาดไม่ได้คือการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีนอันตระการตา และการจัดแสดงงานหัตถกรรมอันปราณีตสวยงามซึ่งสามารถซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
หลอวู ซิตี้ (Lowu City) แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเซิ่นเจิ้น ลักษณะคล้ายมาบุญครองบ้านเรา มีสินค้าพื้นเมือง และสินค้าเลียนแบบแบรนด์เนมมากมายหลายชนิดหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อกันในราคาไม่แพง ทั้งกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา เครื่องไฟฟ้า ปากกา เครื่องประดับ ฯลฯ จนมีคำกล่าวกันแบบฮา ฮา..ว่า ในห้างนี้มีของแต่ของเลียนแบบ มีของแท้อยู่ 3 อย่าง คือ พ่อค้า แม่ค้า และลูกค้า ฮา....พูดกันขำ ขำ..นะครับ แต่สินค้าที่นี่ก็มีบางส่วนเป็นสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออกไปขายยังเกาะฮ่องกงและต่างประเทศ พ่อค้าแม่ค้าในบ้านเราหลายคนก็ไปหิ้วของจากที่นี่กลับมาขายในเมืองไทย นอกจากนี้ยังมีย่านตลาดเก่า ที่มีร้านขายสินค้าขนาดเล็กรวมกันอยู่มากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถต่อรองราคาสินค้าได้
นักช้อปท่านใดสนใจจะช้อปสินค้าราคาประหยัด ก็ไปเที่ยวเซิ่นเจิ้นกันได้นะครับ จะนั่งเครื่องบินจากเมืองไทยไปลงที่สนามบินเซิ่นเจิ้นโดยตรงก็ได้ หรือจะเดินทางจากฮ่องกงไปก็ได้ เพราะที่นี่เป็นเสมือนศูนย์กลางการเดินทางเชื่อมต่อไปยังเกาะฮ่องกงและมาเก๊าได้ หรือหากท่านมีโอกาสไปช้อปที่ฮ่องกงเสร็จแล้วจะแวะไปช้อปที่เซิ่นเจิ้นต่อก็ได้ โดยนั่งรถไฟ KCR ไปลงที่สถานีหลอวู เมืองเซิ่นเจิ้น ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมง (ประมาณ 45 นาที) แต่จะเสียเวลาหน่อยก็ตรงต้องต่อคิวกรอกเอกสารผ่านเข้าเมืองนี่ล่ะครับ เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและพ่อค้าแม่ค้าผ่านเข้าออกเมืองกันเป็นประจำทุกวัน
เรียบเรียง : ละไมไทยแลนด์
ภาพ : Internet