© copyright Lamaithailand 2003 All Rights Reserved บริษัท ละไม (ไทยแลนด์) จำกัด 299/783 สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 โทร. 086-970-8319, 081-988-3531, 095-163-6592 E-mail : info@lamaithailand.com |
ตุ๊กตุ๊กหัวกบ แลเมืองตรัง สัมผัสประสบการณ์ใหม่ นั่งตุ๊กตุ๊กหัวกบ
แลเมืองตรัง เรียบเรียง โดย ละไมไทยแลนด์ เมื่อใดที่ผมไปเมืองตรังโดยที่ไม่ได้ขับรถส่วนตัวไป อาจจะนั่งเครื่องบินหรือนั่งรถไฟไป ผมมักจะใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ นี่แหละครับ ในการเดินทางไปไหนมาไหนในตัวเมืองตรัง นอกจากจะสะดวกคล่องตัวแล้ว ที่สำคัญยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ในแบบท้องถิ่นดั้งเดิมอีกด้วย รถตุ๊กตุ๊กหัวกบเป็นรถที่ให้บริการชาวตรังมายาวนานกว่า 50 ปีแล้วครับ จนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นโลโก้อย่างหนึ่งของเมืองตรัง ปัจจุบันนี้นอกจากจะให้บริการชาวเมืองตรังแล้วยังให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อีกรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวเมืองตรัง ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า คนขับรถตุ๊กตุ๊กเนี่ยเป็นไกด์ให้เราได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ ไม่ว่าจะไปสถานที่ใด เขารู้หมด แล้วแถมบางครั้งยังอธิบายความเป็นมาของสถานที่นั้น ๆ ให้เราฟังอีกด้วยครับ กล่าวกันว่ารถตุ๊กตุ๊กหัวกบ เริ่มเข้ามามีบทบาทในเมืองไทยครั้งแรกประมาณ พ.ศ. 2502 โดยนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น แต่รถตุ๊กตุ๊กหัวกบรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่แรกเริ่ม หน้าตาจะไม่ใช่อย่างในปัจจุบันนะครับ ลักษณะตัวรถจะคล้ายกระบะสามล้อ ไม่มีหลังคา ต่อมาภายหลังจึงมาปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีรูปร่างหน้าตาแบบในปัจจุบันนี้ล่ะครับ รถตุ๊กตุ๊กหัวกบเมืองตรังนั้นจะมีความแตกต่างจากรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ อยู่สักหน่อยครับ คือว่า รถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ จะมีคันบังคับแบบก้าน เป็นที่จับสองข้างเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ คนขับจะนั่งอยู่ตอนหน้าของตัวรถ แล้วผู้โดยสารนั่งอยู่ตอนหลัง ส่วนรถตุ๊กตุ๊กหัวกบเมืองตรัง ผู้โดยสารสามารถนั่งได้ทั้งตอนหน้าและตอนหลังของรถ เหมือนนั่งรถสองแถวนั่นแหละครับ หากนั่งอยู่ตอนหน้าของรถก็นั่งคู่กับคนขับซึ่งอยู่ด้านขวามือ และจะบังคับรถด้วยพวงมาลัยอันกลม ๆ หากนั่งอยู่ตอนหลังของรถก็เป็นลักษณะนั่งหันข้าง มีฝั่งซ้าย ฝั่งขวา โดยปกติจะบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 5 คน อันนี้ว่ากันตามที่กฎหมายกำหนดนะครับ แต่ถ้านั่งตักกัน นั่งเบียด ๆ กันแล้ว ก็สามารถบรรทุกได้เกิน 10 คนเลยล่ะครับ แต่อันนี้ผมไม่แนะนำนะครับ เพราะบรรทุกมากเกินไปก็อันตรายครับ ทั้งคนขับและผู้โดยสารควรทำตามกฎหมายดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ส่วนค่าโดยสารนั้นก็คิดตามระยะทาง ต่อรองกันได้ ผู้โดยสารสามารถโบกเรียกได้ทั่วไป หรือบางคันก็จอดรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ตามหน้าโรงแรม ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเรียกให้ไปส่งที่ร้านขายกาแฟ หมูย่างในตอนเช้า เพื่อรับประทานอาหารเช้าแบบพื้นเมืองตรัง วิถีชีวิตในทุก ๆ วันของเหล่าโชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊ก เขาจะเริ่มงานกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเลยครับ เนื่องจากชาวตรังเขาเริ่มทำงานกันตั้งแต่เช้ามืด หรือภาษาทางใต้เขาเรียก ช่วงหัวรุ่ง เหล่าโชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊กก็จะรับชาวสวนยางจากในเมืองไปส่งที่สวนยางพาราเพื่อไปกรีดยาง หรือรับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าไปส่งที่ตลาด โดยเฉพาะคนที่ขายหมูย่าง เพราะเขาย่างหมูกันตั้งแต่ตอนตีสาม เพื่อไว้ขายตอนตีห้าเป็นต้นไป นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ให้ไปส่งยังสถานที่ที่น่าสนใจต่าง ๆ เช่น วัดท่าจีน หรือวัดประสิทธิชัย เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญของชาวตรังมีอายุราว 200 ปี พาลัดเลาะชมแม่น้ำตรัง บริเวณบ้านท่าจีน ชมวิถีชีวิตของชุมชนโบราณที่นั่น พาไปสักการะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ซึ่งท่านเป็นเจ้าเมืองตรังคนแรกและเป็นผู้สร้างเมืองตรังให้มีความเจริญรุ่งเรือง หรือพาไปซื้อของฝากเมืองตรังเพื่อเป็นที่ระลึก ของฝากที่มีชื่อเสียง และมีความโดดเด่น คือ ขนมเค้กเมืองตรัง ความพิเศษอยู่ที่ เนื้อเค้กเนียนละเอียด กลิ่นหอม มีหลายรสชาติ ซึ่งของตรังแท้ ๆ จะต้องมีรูอยู่ตรงกลาง และไม่มีการแต่งหน้าเค้กด้วยครีมใด ๆ ทั้งสิ้น ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้เทพทาโร หรือตามท้องถิ่นเรียกว่า ไม้จวง เป็นไม้ที่มีลักษณะพิเศษ มีกลิ่นหอม นำมาแกะสลักเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น รูปสัตว์ทะเล รูปปลาพะยูน ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของจังหวัดตรัง และยังมีของฝากอื่น ๆ อีก เช่น กะปิท่าข้าม ผ้าทอนาหมื่นศรี กาแฟเขาช่อง (ปลูกในตำบลเขาช่อง) ฯลฯ หากท่านมีโอกาสไปเยือนเมืองตรัง ลองหาเวลาไปใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ แลเมืองตรังดูบ้างนะครับ ท่านจะได้ซึมซับกับบรรยากาศในแบบท้องถิ่นจริง ๆ พร้อมความประทับใจกับชาวตรังอย่างมิรู้ลืม |