ย้อนรอยตำนานอารยธรรมจีนกว่า 5,000 ปี

            หากท่านผู้อ่านมีเวลาว่างสัก 1 วัน อยากชวนเชิญให้พาครอบครัวบุตรหลานไปเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีกันนะครับ ที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งล่าสุดที่น่าสนใจที่ผมอยากแนะนำในวันนี้ นั่นก็คือ อุทยานมังกรสวรรค์ ซึ่งประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร  ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลากลางน้ำเจ็ดชั้น  ศาลาเทียนอันเหมิน  หอระฆังสัมฤทธิ์

การเดินทางไปยัง อุทยานมังกรสวรรค์ ไม่ยากครับ หากท่านขับรถจากกรุงเทพฯ ไป ให้ใช้เส้นทางถนนรัตนาธิเบศร์ ที่เชื่อมกับวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) ไปทางอำเภอบางบัวทอง แล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 340 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรีที่อำเภอบางปลาม้า ส่วนเรื่องถนนหนทางในเมืองสุพรรณไม่ต้องห่วงครับ ถนนกว้างสี่เลน สะดวกสบายครับ

อาคารรูปทรงมังกรขนาดมหึมา อันโดดเด่นสะดุดตา ที่เรียกว่า พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร มีความสูง 35 เมตร ยาว 135 เมตร กว้าง 18 เมตร ถือได้ว่าเป็นอาคารรูปทรงมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หากท่านได้อ่านในหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวันของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งอาคารรูปทรงมังกรนี้ก็เป็น 1 ใน 7 ดาวที่มีความพิเศษตรงที่ ในยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ มังกรยักษ์ตัวนี้จะกลายร่างเป็นมังกรสีทองล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร แห่งนี้ จะนำพาท่านผู้อ่าน หมุนเวลาย้อนรอยไปเรียนรู้ตำนานอารยธรรมจีนเมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว และสืบค้นประวัติตระกูลแซ่ ในนิทรรศการ “จีนในสยามประเทศ”

ที่มาที่ไปของการสร้าง พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ก่อเกิดมาจากแรงบันดาลใจของนายบรรหาร  ศิลปอาชา ซึ่งท่านเป็นประธานคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ร่วมกับเหล่าบรรดาพ่อค้า ประชาชนที่มีความผูกพันในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน และเป็นการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนที่มีอายุครบ 20 ปี ในพ.ศ. 2538 ด้วยเหตุนี้จึงได้รวบรวมเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามาทำการก่อสร้างอาคาร จัดแสดงเป็นนิทรรศการถาวร วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ลูกหลานประชาชนชาวไทยรุ่นหลังได้ศึกษา รำลึก และสานต่อความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แนบแน่นสืบต่อไป

ภายในอาคารมังกรยักษ์นี้ มีเรื่องราวบอกเล่าถึงเผ่าพันธุ์คนจีนให้ผู้คนได้รู้จักภูมิใจในที่มาของตน เป็นห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์อารยธรรมของชาวจีนย้อนหลังไปประมาณ 5,000 ปี ตำนานการกำเนิดโลก ประวัติศาสตร์ราชวงศ์จีนอันยิ่งใหญ่ทุกยุคทุกสมัย พร้อมกับให้ผู้เยี่ยมชมได้ตื่นเต้นเร้าใจไปกับเทคนิค แสง สี เสียงอันทันสมัยตระการตา โดยจัดเป็นห้องแสดงถึง 21 ห้อง ผมขอยกตัวอย่างมาพอสังเขปนะครับ อาทิ

ห้องฉายภาพยนตร์  

ห้องเทพนิยาย (กำเนิดโลก) ซึ่งชาวจีนเชื่อว่า โลกถูกสร้างขึ้นโดยเทพบิดร “ผานกู่” ที่สละชีวิตแยกแผ่นดินแผ่นฟ้าออกจากกัน ธรรมชาติ ขุนเขา แม่น้ำ ล้วนมาจากเลือดเนื้อของผานกู่
 

ห้องเทพนิยาย (กำเนิดมนุษย์) เทพธิดาหนี่วาปั้นมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรก ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวจีน ขึ้นจากดินแม่น้ำเหลือง แล้วทรงชุบเสกให้มีชีวิต สืบลูกหลานต่อมาถึงปัจจุบัน เป็นเหตุผลว่าทำไมชาวจีนถึงมีผิวเหลือง
 

ห้องตำนาน (เสินหนง) เอี๋ยนตี้ บิดาแห่งสมุนไพร เป็นผู้ค้นพบใบชา จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มประจำชาติจีน
 

ห้องตำนาน (ปฐมกษัตริย์)  หวงตี้ และเอี๋ยนตี้ 2 ผู้นำชนเผ่า ผู้ร่วมสร้างแผ่นดินจีนเมื่อ 5,000 ปีก่อน ลูกหลานชาวจีนยกย่องให้เป็นปฐมกษัตริย์

ห้องสามก๊ก เรื่องราวของวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์อันเป็นอมตะ แต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง

และยังมีเรื่องราวน่ารู้ในห้องราชวงศ์ต่าง ๆ   อาทิ  ห้องราชวงศ์เซี่ย-ซาง “ ต้าอวี่ ” ผู้ค้นพบการแก้ปัญหาอุทกภัยแม่น้ำเหลือง ยุคแห่งการค้นพบอักษรกระดองเต่า อักษรจีนยุคแรก

ห้องราชวงศ์โจว  เล่าจื้อ-ผู้ให้กำเนิดลัทธิเต๋า ซุนอู่-ผู้แต่งตำราพิชัยสงคราม ขงจื้อ-ผู้สอนให้มนุษย์รักกัน คำสอนของขงจื้อยังคงมีอิทธิพลต่อชาวจีนจนถึงปัจจุบัน

ห้องราชวงศ์หมิง จัดแสดงเครื่องกระเบื้องลายคราม ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของจีน ชมการจัดสวนสไตล์จีน

ห้องราชวงศ์ซ่งใต้ (งักฮุย) ทำให้เราทราบว่าขนมปาท่องโก๋ หรือภาษาจีนเรียก “อิ้วจาก้วย” ที่ทานกันเป็นประจำในตอนเช้า มีที่มาจากขุนพลผู้รักชาติ ถูกกังฉินใส่ร้ายจนเสียชีวิตด้วยสุราพิษพระราชทาน จึงใช้แป้งขนมปาท่องโก๋เป็นสัญลักษณ์แทนกังฉินผัวเมีย นำมาทอดน้ำมัน ขบเคี้ยวระบายความแค้น

ส่วนที่มาของขนมไหว้พระจันทร์ ค้นพบได้จากห้องราชวงศ์หยวน เมื่อชาวจีนถูกพวกมองโกลปกครองอย่างกดขี่ จึงรวมตัวกันต่อต้าน ด้วยการสอดสาส์นลับใส่ขนม เพื่อนัดหมายก่อการโค่นล้มมองโกล เป็นต้น

จนมาถึงห้องยุคสาธารณรัฐ จากยุคซุนยัดเซ็น ผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มระบอบฮ่องเต้ เปลี่ยนจีนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ มาถึงเหมาเจ๋อตุง ผู้นำประเทศจีนเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม มาจนถึงยุคเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ปฏิวัติจีนสู่ยุค 4 ทันสมัย จนกลายเป็น 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลกในปัจจุบัน

ปิดท้ายกันที่ห้องชาวไทยในประเทศสยาม ความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ต้นกำเนิดตระกูลแซ่ต่าง ๆ ความภาคภูมิใจของลูกหลานพันธุ์มังกร

นอกจากนี้ ภายในอุทยานมังกรสวรรค์ ยังมีสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่า ได้แก่

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง  ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว ชาวจีนได้ค้นพบ “เจ้าพ่อหลักเมือง” ซึ่งเป็นประติมากรรมสลักหินแบบนูนต่ำ สันนิษฐานว่าเป็นรูปพระนารายณ์สี่กร มีอายุ 1,300 -1,400 ปี จมโคลนอยู่ริมคลอง จึงได้อัญเชิญขึ้นพร้อมสร้างศาลให้เป็นที่ประทับ และเป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนมาช้านาน

ศาลากลางน้ำเจ็ดชั้น มีความสูงถึง 27 เมตร กว้าง 14 เมตร

ศาลาเทียนอันเหมิน  เป็นสถานที่ใช้ประชุมคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองฯ และใช้เป็นที่รับประทานอาหาร

หอระฆังสัมฤทธิ์ ระฆังสำริดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูง 3.47 เมตร ปากระฆังกว้าง 2.14 เมตร มีน้ำหนักถึง 3.28 ตัน

เห็นมั๊ยครับ 1 วันของท่านที่ อุทยานมังกรสวรรค์ นั้นช่างคุ้มค่าเหลือเกิน หากท่านสนใจเข้าชมก็เชื้อเชิญได้เลยครับ อุทยานมังกรสวรรค์ เปิดให้เข้าชมในวันพุธ – วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. รับรองว่ามาที่นี่แล้วท่านจะได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกเยอะเลยครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Call Center 1672

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร 
โทร. 0 3552 6211

ภาพ  : TAT
ภาพบางส่วน  :  พันทิปออนไลน์