© copyright Lamaithailand 2003 All Rights Reserved บริษัท ละไม (ไทยแลนด์) จำกัด 299/783 สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 โทร. 086-970-8319, 081-988-3531, 095-163-6592 E-mail : info@lamaithailand.com |
FLIGHT OF THE GIBBON ชะนี....เหิรเวหา การผจญภัย...ใหม่ล่าสุด ที่เชียงใหม่ รูปแบบของการท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การเดินทางเที่ยวชมธรรมชาติ เยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือเยี่ยมชมวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นเท่านั้น แต่การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในยุคนี้ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ สัมผัสความท้าทาย ความน่าตื่นเต้น ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร อย่างกิจกรรมที่ผมจะกล่าวถึงนี้ เป็นกิจกรรมการผจญภัยรูปแบบใหม่ล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เรียกว่า Flight of The Gibbon ในภาษาอังกฤษ คำว่า Gibbon หมายถึง ชะนี Flight of The Gibbon เป็นลักษณะการผจญภัยเชิงนิเวศน์ ด้วยการโหนสลิงและสะพานเหิรเวหา ราวกับชะนีป่าที่เคลื่อนตัวจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง และต้นต่อ ๆ ไป ท่ามกลางป่าดิบชื้นเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,500 ปี ระหว่างที่เราเหิรเวหาด้วยการโหนสลิงอยู่นั้น เราก็จะได้เพลิดเพลินและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ ได้ยินเสียงธารน้ำตกไหลเอื่อยเคล้าคลอไปกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว สลับกับเสียงกรี๊ดกร๊าด ! วี๊ดว้าย ! และเสียงหัวเราะ ของนักผจญภัยอย่างพวกเรา ช่างเป็นบรรยากาศที่สนุกสนานคลายเครียดได้ดีจริง ๆ เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ในป่านี้มีนกอยู่หลายชนิดทีเดียว ล้วนแล้วแต่เป็นนกหายาก แต่สำหรับชะนี แทบจะไม่มีเลย ทางบริษัทผู้เป็นเจ้าของกิจกรรมได้เลือกใช้ชื่อนี้ ก็เนื่องจาก ชะนี มีลักษณะพิเศษในการโหนตัวผ่านกิ่งไม้ จากกิ่งหนึ่งสู่อีกกิ่งหนึ่งได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งทางเจ้าของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ชะนี โดยร่วมบริจาค 10% ของกำไรจากผลประกอบการ ให้แก่ศูนย์อนุรักษ์ชะนีในประเทศไทยอีกด้วย ผมเป็นคนหนึ่งครับที่ชอบทดสอบความท้าทาย ตื่นเต้น หวาดเสียว และยิ่งได้ยินว่ามีอะไรแปลกใหม่ มันครั่นเนื้อครั่นตัวทุกที ต้องลองครับ ! ถึงจะรู้ ก็เลยนัดให้ทีมงานช่วยสนองความอยากของผม รถมารับผมที่โรงแรมตั้งแต่เช้า อ้อ ! การแต่งกายที่เหมาะกับกิจกรรมนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ แต่งกายแบบสบาย ๆ สวมเสื้อยืด กางเกงขายาว รองเท้ากีฬาที่ทะมัดทะแมงเท่านี้เอง ก็พร้อมลุยแล้วครับ การผจญภัยเหิรเวหานี้ตั้งอยู่ในเขตป่าดิบชื้น อำเภอแม่กำปอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการเดินทางบนถนนราบเรียบ จนถึงถนนลูกรังอีกประมาณ 1,300 เมตร ณ สถานที่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100 กว่าไร่ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เหมือนอยู่ในโลกแห่งสีเขียว (ของต้นไม้) ท่านจะได้พบกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ แม่น้ำ ลำธาร น้ำตกที่สวยงาม อากาศยังคงบริสุทธิ์สดชื่น ปราศจากมลพิษแน่นอน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของที่นี่จะมีอากาศเย็นกว่าในตัวเมืองเชียงใหม่ ถึง 4-5 องศาเซลเซียส มั่นใจได้เลยว่าอากาศสบาย ๆ อย่างนี้ จะยิ่งทำให้สนุกกับการผจญภัยกันจนลืมโลกไปเลย พอผมมาถึงสถานที่ทำการ หรือ ออฟฟิศ แล้ว เจ้าหน้าที่ทีมงานก็ออกมาต้อนรับทักทายอย่างเป็นกันเอง หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจถึงลักษณะของกิจกรรมนี้แล้ว ก็จัดการสวมใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยให้แก่นักผจญภัย พร้อมกับแจก กิ่งไม้ไผ่ที่มีลักษณะเป็นสองแง่ง มีสายเชือกห้อยสั้น ๆ เอาไว้สำหรับคล้องที่มือคนละ 1 อัน เจ้าไม้ไผ่นี้เอาไว้ทำอะไรเหรอครับ อีกสักครู่เดี๋ยวได้รู้กัน ที่นี่เขายึดหลัก safety first เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และตรวจเช็คอุปกรณ์ความพร้อมอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจก่อนเริ่มกิจกรรม ซึ่งมีทั้งหมด 15 ฐาน โดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำเราไปยังฐานโหนสลิงฐานแรก อธิบาย คำแนะนำ และวิธีการ พร้อมกับโหนสลิงให้ดูก่อนเป็นตัวอย่าง แล้วก็ถึงตราผมบ้างล่ะครับคราวนี้ หลังจากที่ผมได้โหนสลิงออกไปแล้ว สิ่งที่รายล้อมรอบตัวผมอยู่ในขณะนั้นก็คือ ธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ ความตื่นเต้นในการโหนตัวจากฐานหนึ่งซึ่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่เก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ไปสู่อีกฐานหนึ่ง มันทำให้ต่อมอะดรีนาลินในร่างกายผม พุ่งพล่านไปหมด ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดเสียว ทั้งสนุกอย่างบอกไม่ถูก แต่โดยรวมแล้ว มันส์....พะยะครับ ...ต้องมาพิสูจน์ ด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง เหนือคำบรรยาย แต่ผมว่า คนเราเวลาเจออะไรที่หวาดเสียว แล้วเรากรีดร้องเสียงดัง ๆ เนี่ย ก็ช่วยได้นะครับ ผมว่าผู้หญิงจะได้เปรียบผู้ชายก็ตรงนี้แหละ กรี๊ดเสียงแหลมซะแสบแก้วหูเลยครับ แต่ละฐานมีระยะทางยาว หลายร้อยเมตร บางฐานต้องโรยตัวลงมาจากต้นไม้สูง ๆ ลงสู่ฐานที่ต่ำกว่า ก็มันส์ไปอีกแบบครับ ในช่วงสองถึงสามฐานสุดท้าย เป็นช่วงที่น่าประทับใจที่สุด มีการเดินข้ามสะพานไม้ คล้ายสะพานแขวนอยู่กลางป่าที่โอนเอียงไปมา บางทีผู้ชายก็แกล้งโยกเยกสะพานไม้ ให้ผู้หญิงร้องเสียงหลงกันเล่น ๆ เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศซะงั้น อีกทั้งยังมีช่วงที่ต้องโหนสลิงเป็นระยะทางยาวเรื่อยมาจนถึงฐานบนต้นไม้ที่สูงที่สุด แล้วจึงไต่เชือกกลับลงมาในตอนท้าย หากต้องการเบรกหรือ ทำให้สลิงเคลื่อนตัวช้าลงนั้น ให้ใช้มุมของไม้ไผ่ ที่แจกให้คนละ 1 อันตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ เอาไว้สำหรับ ดึงสายเคเบิลเหนือเราลงมา เพื่อเป็นการเบรก หรือชะลอให้ช้าลง ก่อนที่เราจะเคลื่อนเข้าใกล้ และทิ้งตัวลงอย่างปลอดภัยบนฐานต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ในระหว่างที่เราโหนสลิงไปตามเส้นทาง ตลอดทั้ง 15 ฐานนั้น ราวกับว่าเรากำลังปีนป่ายไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และช่วงที่น่าระทึกใจที่สุดก็คือ ตอนที่เราต้องโรยตัวลงจากต้นไม้สูงใหญ่ด้วยเชือก และโหนผ่านหุบเขาลึกและลำธาร ราวกับได้ปลดปล่อยตัวเองให้ล่องลอยไปสู่โลกของหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสจากที่ใดมาก่อน เชื่อผมหรือยังครับว่าการผจญภัยครั้งนี้ สนุกสุด...สุด จนลืมโลกไปเลย ถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัยละก้อ หายห่วงครับ เพราะช่วงระหว่างที่เราโหนสลิง อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา และก่อนจะโหนสลิงในฐานต่อ ๆ ไป เขาก็จะตรวจเช็คความพร้อมทุกอย่างก่อนปล่อยสลิงให้เราโหนออกไป ส่วนเรื่องระบบสลิงนี้ก็ออกแบบและสร้างสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศนิวซีแลนด์ และที่สำคัญเขายังจัดการรูปแบบไม่ให้ทำลายระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติอีกด้วย หลังจากการผจญภัยได้สิ้นสุดลงแล้ว ผมได้เดินเล่นเที่ยวชม หมู่บ้านแม่กำปอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านอันเก่าแก่มีมาช้านานแล้ว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมง ใกล้เขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในจังหวัดเชียงใหม่และลำปาง ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร อากาศบริสุทธิ์เย็นสบายกำลังดี แม้ว่าขณะนี้จะมีการพัฒนาพื้นที่แถบนี้ แต่ระบบนิเวศน์นั้นก็ยังคงสมบูรณ์พร้อมด้วยป่าดิบชื้นโบราณที่มีอายุยาวนานนับพันปี เป็นแหล่งอยู่อาศัยของพืชและสัตว์นานาชนิด นอกจากนี้ หมู่บ้านแม่กำปอง ยังเป็นแหล่งผลิตใบชาและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากใบชา ทั้งยังมี น้ำตกแม่กำปอง ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ใคร ในบริเวณหมู่บ้านมีร้านอาหาร และร้านกาแฟไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว หากท่านผู้อ่านสนใจจะทดสอบต่อมอะดรีนาลินในร่างกายของท่านกับกิจกรรม การผจญภัยเรือนยอดไม้เหนือยอดป่าดิบชื้น Flight of The Gibbon สนนราคาปกติท่านละ 2,200 บาท พร้อมอาหารกลางวัน และบริการรถตู้ปรับอากาศรับ-ส่งโรงแรมในตัวเมือง แต่ถ้าซื้อเป็นแบบแพ็คเกจท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่รวมกิจกรรมนี้ไว้ในแพ็คเกจด้วย ผมว่าราคาจะประหยัดกว่านะครับ ทั้งได้เที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ด้วยและยังได้มันส์....กับ การผจญภัยแบบชะนีเหิรเวหาอีกด้วย ท่านผู้อ่านเห็นด้วยกับผมมั้ยครับว่า เสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่เนี่ย มากี่ครั้ง กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะมักจะมีอะไรแปลกใหม่มาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสลิ้มลองอยู่เสมอ ทำให้ผมชักไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ซะแล้วสิ.... ขอบคุณ... ทีมงาน The Flight of The Gibbon ทุกท่าน ที่ทำให้ผมได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้น ท้าทายครั้งนี้ |