หลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้มีสองด้านเสมอ มีด้านสีขาวก็มีด้านที่เป็นสีดำ มีมืดก็มีด้านสว่าง มีกลางวันและมีกลางคืน โลกใต้ท้องทะเลแม้นจะถูกขวางกั้นด้วยมวลน้ำอันมหาศาล แต่ในระดับที่ไม่ลึกล้ำจนเกินไป โลกใต้ทะเลก็ยังคงมีแสงสว่างส่องลงไปถึง จึงมีทั้งกลางวันและกลางคืน ชีวิตใต้ท้องทะเลจึงมีทั้งชีวิตที่หากินในเวลากลางวัน พักผ่อนสะสมพลังในเวลากลางคืน กับอีกพวกหนึ่งที่หลบแสงพักผ่อนในเวลากลางวัน และเริ่มออกหากินในเวลากลางคืน ดังนั้น นอกจากทะเลจะไม่หลับใหลแล้ว ชีวิตและความเป็นไปใต้ท้องทะเลจึงไม่มีเวลาแห่งการหลับใหลไปด้วยเช่นกัน
การดำน้ำกลางคืน หรือ Night Dive จึงเป็นกิจกรรมดำน้ำอันท้าทายอย่างหนึ่งที่นักดำน้ำหลายคนชื่นชอบ และบางคนก็ถึงขนาดลุ่มหลงบรรยากาศของรัตติกาลใต้ผืนน้ำเลยทีเดียว เพราะมักเป็นโอกาสที่จะได้พบเห็นความงดงามของสรรพชีวิตที่ออกหากินในยามค่ำคืน ซึ่งหลายชนิดผิดแผกไปจากชีวิตที่พบเห็นกันได้ใต้ท้องทะเลในเวลากลางวัน สำหรับช่างภาพใต้น้ำทั้งหลายนั้น ถือเอาการดำน้ำกลางคืนเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่จะได้ภาพชีวิตใต้ทะเลที่งดงามแปลกตา โดยเฉพาะสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ๆ ที่ดำเนินชีวิตยามราตรีทั้งหลาย
หนึ่งในจำนวนสัตว์ที่ผมพบเห็น ชื่นชอบ และพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บภาพให้ได้ แต่ก็ต้องล้มเหลวและกลับขึ้นมามือเปล่าเสียทุกที เจ้าสัตว์ทะเลแห่งราตรีที่กล่าวถึงนี้ก็คือกุ้งลายหินอ่อน (Marbled shrimp) กุ้งขนาดเล็กความยาวราว 3-10 เซนติเมตร มีลวดลายและสีสันงดงามยิ่งชนิดหนึ่ง ชอบอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านปะการังแข็ง กลางวันจะซุกตัวอยู่ใต้กอปะการัง และค่อย ๆ คืบคลานออกมาหากินในยามค่ำคืน
เหตุที่ผมชื่นชอบกุ้งลายหินอ่อน ก็เพราะรูปร่างที่แปลกตา ลวดลายที่งดงาม ซึ่งอาจคล้ายลวดลายของหินอ่อน มันจึงได้ชื่อว่ากุ้งลายหินอ่อน ลักษณะพิเศษของเจ้ากุ้งลายหินอ่อนที่เห็นเด่นชัดอีกอย่างหนึ่งก็คือตามกรีบนหัว บนหลัง ขา และใต้ท้องของมันจะมีขนเส้นเล็ก ๆ เป็นกลุ่ม มองดูคล้ายกับเจ้ากุ้งราตรีชนิดนี้กำลังสวมชุดราตรีที่มีพู่ มีระบายตามขอบชายอย่างงดงาม
เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมทั้งชื่นชอบและชื่นชมเจ้ากุ้งลายหินอ่อน และกลับเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่เคยได้ภาพของเจ้ากุ้งลายหินอ่อนเลยสักภาพเดียวแม้จะพยายามมาหลายครั้ง นั่นก็คือนิสัยขี้อายและสัญชาตญาณแห่งการหลบหลีกภัยที่ดียิ่ง อันเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของเจ้ากุ้งลายหินอ่อนนี้ ผมชื่นชอบและชื่นชมความมั่นคงในวิถีชีวิตของมัน การดำรงสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดแห่งเผ่าพันธุ์อย่างเคร่งครัด แม้นมันจะหลบหนีอย่างรวดเร็วเข้าไปใต้กิ่งก้านปะการังทันทีที่ผมส่องไฟไปถึงตัวมัน ไม่ทันแม้กระทั่งจะยกกล้องขึ้นเล็ง หรือปรับโฟกัส ทำให้ต้องกลับขึ้นมามือเปล่าทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยโกรธ และยังคงพยายามสอดส่ายสายตามองหาทุกครั้งอย่างไม่ย่อท้อ
แล้วความพยายามของผมก็ไม่ไร้ผล คืนหนึ่งกลางฤดูร้อนอันเหมาะยิ่งสำหรับการดำน้ำกลางคืน เราลงดำกันที่หินแดง หินโผล่น้ำกลางทะเลอันดามันอันเวิ้งว้างกว้างไกล บริเวณรอยต่อของจังหวัดกระบี่และตรัง อันเป็นจุดดำน้ำกลางคืนที่ดียิ่ง ผมลอยตัวอยู่ริมผาหินในระดับความลึกราว 30 ฟุต แสงจากไฟฉายสาดให้เห็นสีแดงสดของปะการังอ่อนที่เกาะพราวอยู่ทั่วผาหิน ปะการังถ้วยส้มยื่นหนวดผลิบานราวกับดอกไม้สีส้มที่ประดับอยู่เต็มผาหิน มันเป็นคืนที่น้ำใส ทัศนวิสัยเยี่ยม แม้จะมีกระแสน้ำไหลอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหานัก เพราะเป็นสิ่งช่วยให้สรรพชีวิตใต้ผืนน้ำเบ่งบานเพื่อรับอาหารที่ล่องลอยมากับกระแสน้ำ
เจ้าปลาสากใหญ่ขนาดยาวเมตรกว่า ๆ วนเวียนเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหลังใกล้แค่ไม่เกินสองเมตร ก่อให้เกิดอาการเสียวสันหลังเมื่อกราดไฟฉายไปเจอดวงตากลมเขม็งและเขี้ยวสีขาวที่ยาวคับปากของมัน ผมพยายามหลบเลยเข้าไปยังอีกด้านของผาหินเพื่อให้ห่างพ้นจากบริเวณนั้น ซึ่งอาจเป็นย่านอิทธิพล หรือถิ่นหากินของมัน แต่เมื่อดูอะไรตามผาหินสักพักแล้วกราดไฟฉายไปด้านหลัง ก็ยังเห็นดวงตากลมโตของมันลอยป้วนเปี้ยนอยู่อีก หนทางแก้ปัญหาสุดท้ายของผมก็คือทำใจที่จะไม่ไปสนใจกับมัน และคิดว่ามันคงให้ความสนใจกับแสงไฟแฟลชที่วูบวาบเป็นครั้งคราวมากกว่า คงไม่ได้คิดว่าจะลอบทำร้าย หรือเห็นผมเป็นศัตรู เป็นอาหารของมันเป็นแน่ ซึ่งก็ได้ผลครับ เพราะหลังจากที่ไม่หันไปมองมัน ผมก็ไม่เห็นมันอีกเลย
เมื่อสาดแสงไฟไปตามลานหิน ผมเริ่มมองเห็นดวงตาสีแดงส้มคู่เล็ก ๆ สะท้อนแสงไฟวาวอยู่หลายคู่บนผาหิน ผมรีบปิดไฟฉายดวงใหญ่เหลือเพียงไฟนำดวงเล็ก เพื่อไม่ให้เจ้าของดวงตาคู่งามนั้นตกใจตื่นกลัวและหนีจากผมไปเสียอย่างครั้งก่อนๆ เมื่อแสงไฟนำสำหรับช่วยในการโฟกัสของกล้องส่องตรงถึงตัวเจ้าของดวงตา ภาพที่เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง มันคือกุ้งลายหินอ่อนตัวสวยที่ผมเฝ้าติดตามมาตลอดในการดำน้ำกลางคืน
กุ้งลายหินอ่อนคู่นั้นซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน ตัวหนึ่งใหญ่กว่าและตัวหนึ่งขนาดย่อมลงมา กำลังอิงแอบกันอยู่ในห้วงน้ำยามราตรี สัญชาตญาณในการหลบหลีกภัยของมันยังคงว่องไวเหมือนเดิม ซึ่งคงเป็นเพราะกุ้งนั้นเป็นสัตว์ที่สามารถพัฒนาดวงตาของมันให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่ง มีความไวต่อการรับภาพ รับแสง และสามารถมองเห็นได้ถึง 16 มุมมองในคราวเดียวกัน สามารถแยกสีได้ถึง 12 สี มันจึงไวต่อการมองเห็นและว่องไวต่อการที่จะหลบหนีศัตรู เจ้ากุ้งลายหินอ่อนนี้ก็เช่นกัน เมื่อต้องแสงไฟมันก็เริ่มเคลื่อนหนีทันที แต่อาจจะเป็นเพราะภูมิประเทศของผาหินที่มันอยู่เป็นผนังเรียบไม่ใช่กิ่งก้านปะการังแข็งอย่างที่อื่น ๆ ผมจึงมีเวลาที่จะแพนกล้องและแสงไฟตาม และกดชัตเตอร์จับภาพไว้ได้ 2-3 ภาพ ก่อนที่มันจะจากผมไปอีกครั้ง
คืนนั้นผมกลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำด้วยความสุข รู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับความรู้สึกหลังจากที่ได้พบทำความรู้จัก และพูดคุยกับใครสักคนที่ชื่นชมนิยมชมชอบมาเนิ่นนาน แม้เพียงการรู้จักพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ กับรอยยิ้มและกล่าวคำอำลา เท่านั้นก็คงเรียกได้ว่าเป็นความสุขแล้วสำหรับผม
เรื่อง / ภาพ : วินิจ รังผึ้ง