เรื่อง : วินิจ รังผึ้ง
ลมหนาวมาแล้วและปีนี้มีท่าว่าจะหนาวเย็นเป็นพิเศษเสียด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการหรือทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่าปีนี้ประเทศไทยเราจะพบกับความหนาวเย็นมากเป็นพิเศษเนื่องจากปรากฏการณ์ลานินญา
ซึ่งเพียงย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น สายลมหนาวก็ได้พัดพามาให้ได้สัมผัสกันแล้ว และที่พิสูจน์ได้ว่าคำเตือนของนักวิชาการและทางกรมอุตุนิยมวิทยาไม่ผิดพลาดก็คือบนยอดดอยสูงแถวภาคเหนืออย่างดอยอินทนนท์นั้นก็เริ่มได้เห็นปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือ "เหมยขาบ" กันแล้ว ในขณะที่อุณหภูมิในเมืองเขตภาคเหนือบางคืนยังลดลงมาเหลือเลขตัวเดียวก็มี
พี่น้องประชาชนที่อยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและที่อาศัยอยู่บนดอยสูงคงค่อนข้างจะต้องลำบากเพราะต้องผจญกับความหนาวเย็นมากมายสักหน่อย แต่สำหรับคนภาคกลาง และคนกรุงเทพฯ อาจจะชื่นชอบอยากจะให้หนาวๆเย็นๆอย่างนี้ไปนานๆ เพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสพบเจอกับอากาศหนาวกับเขาสักเท่าไหร่ ยิ่งบรรดานักท่องเที่ยวด้วยแล้วยิ่งถูกอกถูกใจ อยากให้หนาวเย็นมากๆถึงขนาดน้ำค้างจับแข็งบนยอดหญ้ายิ่งสะใจ หรือบางคนฝันไกลถึงขนาดอยากให้หิมะตกในเมืองไทยสักที
ซึ่งนักวิชาการบางคนก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องจะเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าภูมิอากาศของโลกยังเปลี่ยนแปลงปรวนแปรไม่แน่นอนอย่างนี้ บางปีเราอาจจะเห็นหิมะตกบนยอดดอยอินทนนท์ก็เป็นได้
บางคนอาจจะบอกว่าดีสิถ้าหิมะตกขาวโพลนบนดอยอินทนนท์ จะได้ใช้เป็นที่เล่นสกีเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเมืองไทยไปเลย ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ เพราะถ้าภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงวิปริตจนหิมะตกขาวโพลนไปทั้งดอยอินทนนท์แล้ว รับรองว่ามันจะมีผลเสียมากมายใหญ่หลวงตามมาอย่างแน่นอน เพราะพืชพรรณที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าเขตร้อนบนยอดดอยอินทนนท์ก็จะอยู่ไม่ได้และตายไปเกือบหมด ยกเว้นพืชจำพวกสนและพืชพรรณอีกไม่กี่ชนิดที่จะสามารถทนอยู่ได้ นั่นยังไม่รวมสัตว์เล็กสัตว์น้อยไปจนถึงสัตว์ใหญ่ก็คงไม่อาจจะทนอยู่ได้เช่นกัน นั่นยังไม่รวมถึงผู้คนที่จะต้องเดือดร้อนและลำบากยากเข็ญในการใช้ชีวิตอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย เอาเป็นว่าหนาวๆ เย็นๆ แค่น้ำค้างแข็งแค่นี้ดีกว่า
จะว่าไปแล้วอากาศหนาวเย็นมาก ๆ ของปีนี้ก็เป็นตัวช่วยปลุกการท่องเที่ยวที่ซบเซาของเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี เพราะผู้คนต่างหลั่งไหลขึ้นไปสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็น ไปสัมผัสกับดอกไม้เมืองหนาวที่เริ่มผลิบาน สัมผัสกับทะเลหมอกขาวในยามเช้ากันอย่างคึกคัก ที่พักในเขตอุทยานแห่งชาติอย่างดอยอินทนนท์ และหลายๆอุทยานถูกจองกันเต็ม โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน หลายคนเตรียมอุปกรณ์แค้มปิ้งไปสัมผัสความหนาวเย็นกันบนยอดดอยก็คงต้องขอแนะนำว่าให้เตรียมตัวกันไปให้พร้อมทั้งเสื้อผ้าเครื่องกันหนาว ผ้าห่ม ถุงนอน ซึ่งควรเป็นอุปกรณ์ที่กันความหนาวเย็นมากๆได้จริงเพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการท่องเที่ยวที่แสนจะทรมาน เพราะกว่าจะผ่านพ้นคืนที่เหน็บหนาวไปได้นั้นไม่ใช่เรื่องจะล้อเล่นกันเลยทีเดียว
การเตรีมตัวไปเที่ยวในหน้าหนาวนั้นจึงควรเตรียมพร้อมให้มากสักหน่อยเริ่มตั้งแต่หาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่จะไป ว่าอยู่ในภูมิประเทศอย่างไร เช่นบนยอดดอยสูงระดับความสูงแค่ไหน เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวอย่างเช่นยอดสูงสุดของดอยอินทนนท์ที่มีความสูงถึง 2,525 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงมักจะเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง ซึ่งอุณหภูมิอาจจะต่ำถึง 0 องศาเซลเซียสได้ หรือทำเลบนหุบเขาสูงอย่างดอยอ่างขาง ซึ่งมักจะเก็บซับความยะเยือกเย็นไว้ในหุบเขา อุณหภูมิก็มักจะต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ เมื่อรู้จักภูมิประเทศที่จะเดินทางไปแล้ว ก่อนไปก็ควรเช็คสภาพอากาศในช่วงนั้นจากพยากรณ์อากาศของทางเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะสามารถเช็คสภาพอากาศ 7 วัน ล่วงหน้าได้ ก็จะสามารถเตรียมเครื่องกันหนาวไปได้อย่างเพียงพอ แต่หากเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หากเป็นไปได้ก็ขนไปให้มากไว้เป็นดี ดีกว่าขาดแล้วทรมานทีหลัง
ในการตั้งแค้มป์ควรระวังฟืนไฟให้ดี เพราะส่วนใหญ่จะนิยมก่อไฟไว้ผิงไฟแก้หนาว ควรระวังไฟติดไหม้เสื้อผ้า เพราะเสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ผ้าพันคออาจจะรุ่มร่ามรุงรังบางทีชายเสื้อหรือผ้าพันคำอาจจะไปติดไฟโดยไม่รู้ตัว บวกกับความหนาวเย็นของอากาศ กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะลุกลามไหม้เนื้อตัวเป็นอันตรายได้ การก่อไฟไว้ข้างเต็นท์มากจนเกินไปอาจจะเกิดสะเก็ดไฟไหม้ลามทุ่งหญ้าและผืนป่ารอบข้าง หรือไหม้เต็นท์ตอนนอนหลับได้ ซึ่งในฤดูหนาวนั้นอากาศจะแห้งสายลมแรงยิ่งทำให้เกิดไฟไหม้ลามได้อย่างรวดเร็ว และทุกครั้งเมื่อเก็บของย้ายแค้มป์ ควรดับกองไฟให้สนิท เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดลุกลามเป็นไฟไหม้ป่าสร้างความเสียหายต่อธรรมชาติได้อย่างใหญ่หลวง ที่สำคัญไม่ว่าจะหนาวเย็นเพียงใดต้องไม่นำเตาไฟ หรือเทียนเข้าไปจุดไว้ในเต็นท์ เพราะจะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์ทำให้ร่างกายค่อยๆอ่อนเพลียและหลับไปโดยไม่รู้ตัวในที่สุดก็จะขาดอากาศหายใจเสียชีวิตในที่สุด
เที่ยวป่าเที่ยวเขาตอนหน้าฝนมักต้องผจญกับทากดูดเลือด แต่เที่ยวป่าเที่ยวดอยหน้าหนาวก็อาจต้องระวังเจ้าเห็บลมตัวเล็กๆ ที่ชอบอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าแห้งๆ หรือขอนไม้ผุ ๆ เห็บลมตัวเล็กๆเหล่านี้มักปากเบาตอนถูกกัดมักไม่รู้สึกอะไร แต่จะไปรู้ตัวว่าถูกกัดก็ตอนรู้สึกคันจนเกาแล้วเกาอีก โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ตอนนอนยิ่งคันเข้าไปใหญ่ เรียกว่าใครโดนเห็บกัดแล้วก็มักจะเกากันไปหลายสะเก็ดกว่าจะหาย วิธีป้องกันไม่ให้ถูกเห็บกัดก็ควรหลีกเลี่ยงกันการเดินลุยผ่านทุ่งหญ้าแห้งสูงๆ หรือหลีกเลี่ยงการนั่งบนขอนไม้ผุ ๆ
ในตอนเช้าของฤดูหนาวมักจะมีหมอกปกคลุมไปทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะถนนหนทางบนดอยที่สูงชันคดเคี้ยว ฉะนั้นการขับรถขึ้นไปดูจุดชมวิวหรือขึ้นไปบนเส้นทางภูเขาควรที่จะต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อช่วยให้มองเห็นได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนมองเห็นเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย และควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็ว และควรมีน้ำใจให้แก่กันและกัน ก็จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในหน้าหนาวของท่านเป็นคืนวันอันสนุกสนานและปลอดภัย
ข้อมูล : Manageronline
ละไมไทยแลนด์ดอทคอม : พฤศจิกายน 51