เรื่อง / ภาพ : ละไมไทยแลนด์ดอทคอม

วันนี้พวกเราตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพราะไกด์บอกว่าจะพาพวกเราไปใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์ที่ตลาดเช้าไทยใหญ่ หรือตลาดสายหยุด บรรยากาศยามเช้าแบบนี้ช่างสดชื่นจริง ๆ ภาพของพระภิกษุที่เดินเรียงแถวรับบิณฑบาตรจากชาวบ้าน บ้านเรือนท้องถิ่นแบบเก่า ๆ ยังมีให้เห็นอยู่ เป็นภาพที่หาชมไม่ได้อีกแล้วในเมืองใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดของกินเยอะแยะไปหมดเลย แล้วสายตาของผมก็มาหยุดอยู่ตรงร้านโจ๊กเสวยนี่แหละครับ เช้า ๆ อย่างนี้ได้โจ๊กร้อน ๆ สักชามมันช่างเข้ากั๊น.. เข้ากัน...
เช้าวันสดใสอย่างนี้ พวกเราไม่รีรอที่จะเดินทางกันต่อ จากตัวเมืองมาประมาณ 45 นาทีผ่านเส้นทางคดโค้งลาดชันขึ้นเขา อยู่ในระดับความสูงที่ 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แล้วเราก็มาถึง ศูนย์พัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริ หรือที่เรียกกันเข้าใจง่าย ๆ ว่า พระตำหนักปางตอง มีเรือนประทับแรมอยู่บนเขาสูงที่บ้านปางตอง ซึ่งไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะครับ แต่สิ่งซึ่งเป็นที่สนอกสนใจของนักท่องเที่ยว ได้แก่ แปลงสาธิตการปลูกดอกไม้ โรงไม้ดอกเมืองหนาว ผลไม้เมืองหนาว ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์หายากหลายชนิด เช่น ละอง ละมั่ง ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลของกวางพันธุ์หายากพันธุ์หนึ่ง จะผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 2 ปี ตั้งท้องนาน 8 เดือน ตัวผู้เรียกว่า ละอง ส่วนตัวเมียเรียกว่า ละมั่ง นอกจากนี้ยังมี เก้ง เนื้อทราย นกยูง นกเงือก ฯลฯ และที่นี่ยังเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงปลาสเตอเจียน ที่ไข่ของมันก็คือ ไข่ปลาคาร์เวียร์ ที่พวกเศรษฐีชอบทานกันนั่นล่ะครับ



เราเดินทางกันต่อ เส้นทางถึงแม้จะคดโค้งแต่ถนนดีไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางเลยแม้แต่นิด เพราะจุดหมายที่รอเราอยู่ข้างหน้า คือ “ ปางอุ๋ง ” แหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่ในขณะนี้ ภาพอันงดงามของทิวสนสองใบและสนสามใบขนานรายรอบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อันเงียบสงบ พร้อมสูดกลิ่นไอเบา ๆ จากธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ” เหมาะสำหรับเป็นมุมพักผ่อนของคนเมืองอย่างแท้จริง

ที่นี่ยังเป็นโครงการจัดหมู่บ้านรวมไทยตามพระราชดำริ สามารถเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเขาหลากเผ่า ทั้งไทยใหญ่ กะเหรี่ยงปะโอ ม้ง จิบกาแฟสดรสหอมละมุน ห่างจากที่นี่ไปอีกราว 6 ก.ม. เราก็ได้พบกับหมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านที่มีทิวทัศน์ของเวิ้งทะเลสาบอันสวยงามแวดล้อมด้วยทิวสน ผสมผสานกับบ้านเรือนในแบบวัฒนธรรมจีนฮ่อ นับเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงเขตแดนไทย-พม่า ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพมาจากทางตอนใต้ของจีนแถบมณฑลยูนนานในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่อง ใบชาพันธุ์ดีรสเลิศ เช่น พันธุ์อู่หลง ชิงชิง มีร้านจำหน่ายชาและอุปกรณ์เกี่ยวกับการชงชาอยู่หลายร้าน ที่สะดุดตามากที่สุดคือบ้านเรือน ร้านค้าเขาสร้างมาจากดินเหนียวผสมฟางข้าว หลังคามุงด้วยใบตองตึง ที่เราเรียกว่า บ้านดิน นั่นแหละครับ ชาวบ้านได้สืบทอดวัฒนธรรมจีนหลายอย่าง เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน บ้านเรือน และอาหารตำรับจีนยูนนาน ที่มาแล้วต้องลิ้มลองให้ได้ครับ
ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย ผมหมายถึง “ น้ำตกผาเสื่อ ” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูงประมาณ 15 เมตร กว้าง 30 เมตร เกิดจากลำน้ำแม่สะงาในพม่า มีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้นบนสุดอยู่ในป่าลึกต้องเดินเท้าเข้าไปชม แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันคือชั้นผาเสื่อนี่แหละครับ วันที่ผมไปนั้น สายน้ำตกไหลแรงเปรียบเสมือนม่านน้ำตกสีขาวไหลแผ่ซ่านกระเซ็นเต็มหน้าผากว้าง คล้ายเสื่อผืนใหญ่ที่ปูลาดหน้าผา สมกับที่เรียกขานว่า น้ำตกผาเสื่อ
ส่วนวนอุทยานถ้ำปลา นั้นอยู่ไม่ห่างกันเท่าไร จุดสนใจของที่นี่คือปลาพลวงหินที่อาศัยอยู่ที่ปากถ้ำ ซึ่งเป็นถ้ำใต้เชิงเขามีน้ำไหลออกมาตลอดทั้งปี เป็นที่อาศัยของฝูงปลาพลวงหินจำนวนมาก ขนาดใหญ่ที่สุดยาวประมาณ 80 ซ.ม. จัดเป็นปลาวงศ์เดียวกับปลาตะเพียนชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งที่มีน้ำไหลหรือตามน้ำตก



ก่อนกลับเข้าเมือง พวกเราแวะที่ภูโคลนคันทรีคลับ ที่นี่ก็เป็น Unseen in Thailand อีกแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน มีบ่อโคลนธรรมชาติอุณหภูมิสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ผมกับเพื่อน ๆ ทดลองพอกหน้าด้วยโคลนธรรมชาติที่เขาบอกว่ามีคุณสมบัติช่วยให้ผิวนวลเนียนเปล่งปลั่ง ใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้นเอง ราคาคนละ 60 บาท พอล้างโคลนที่พอกหน้าออก แล้วตามด้วยการล้างหน้าด้วยสบู่โคลน จะรู้สึกว่าหน้าเบา ๆ นุ่มขึ้น เหมือนกับว่าโคลนได้ดูดเอาน้ำมันและสิ่งสกปรกบนใบหน้าเราออกไปหมด ทำให้หน้าขาวหมดจดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าท่านผู้อ่านลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่าครับ

กลับเข้าเมืองแม่ฮ่องสอนก็เย็นพอดี หลังอาหารค่ำวันนี้พวกเรานัดกันว่าจะไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดิน ตั้งแต่หน้าธนาคารออมสินเรื่อยไปจนแถว ๆ หนองจองคำ หน้าวัดจองคำ-จองกลาง ตั้งใจว่าซื้อสินค้าพื้นเมืองพวกกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับสไตล์พื้นเมืองไปฝากเพื่อน ๆ ที่กรุงเทพฯ กันหน่อย คืนนี้เราพักที่แม่ฮ่องสอนอีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้เราจะไป “ ปาย ” แดนสวรรค์ของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับว่า ระหว่างทางไปปาย พวกเราจะพบเจออะไรบ้าง....ราตรีสวัสดิ์ครับ.....
ขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน
ละไมไทยแลนด์ดอทคอม ตุลาคม 51