กระบี่ จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน มีเนื้อที่ 4,708 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 814 กิโลเมตร บ้างก็เรียกว่า “ เมืองร้อยเกาะ ” เนื่องจากประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะ แน่นอนครับ กระบี่เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งป่าชายเลน แม่น้ำ ลำคลอง เทือกเขา ถ้ำโตรกชะโงกผา ส่วนใต้ท้องทะเลสีฟ้าครามนั้น อุดมไปด้วยเหล่าปะการังแข็งและอ่อนสีสันต่าง ๆ ฝูงปลานานาพันธุ์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจึงมาท่องเที่ยวที่นี่กันมากขึ้นทุกปี ยิ่งในปัจจุบันการเดินทางไปจังหวัดกระบี่นั้นก็แสนสะดวกสบาย เพราะมีสายการบินหลายสายเปิดให้บริการ เพียง 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกระบี่อันทันสมัยที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่น
10 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดกระบี่ ห้ามพลาด !
ที่จะกล่าวต่อไปนี้ ไม่ได้เป็นการจัดเรียงลำดับแต่อย่างไรนะครับ แต่แนะนำว่าหากท่านมีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดกระบี่เมื่อใด ขอบอกว่าไม่ควรพลาดสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ครับ
1. อ่าวนาง เป็นชายหาดยาว มีถนนเลียบชายทะเลระยะทาง 6 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาหาที่พักบริเวณอ่าวนาง เนื่องจากมีรีสอร์ทที่พักให้เลือกหลายระดับราคา มีร้านค้าขายอาหารการกิน ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของที่ระลึกมากมาย ทัศนียภาพสวยงามแปลกตาแวดล้อมด้วยภูเขาหินปูนตระหง่าน ตอนเย็นนักท่องเที่ยวมักมาเดินเล่นริมหาดชมพระอาทิตย์ยามอัสดง บริเวณอ่าวนางมีเกาะใหญ่น้อยรวมกันกว่า 83 เกาะ บางเกาะมีรูปร่างประหลาดคล้ายรองเท้าบู๊ท เรือสำเภา หัวนก เกาะที่มีหาดทรายสวยงามและคนนิยมไปเที่ยวเล่นน้ำชมปะการังได้แก่ เกาะปอดะ เกาะหม้อ และเกาะทัพ
2. หมู่เกาะปอดะ และ ทะเลแหวก อยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตรนั่งเรือออกไปไม่ไกล เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปะการังหลากชนิด รวมทั้งฝูงปลาน้อยใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายน้ำเล่นกับฝูงปลากันอย่างสนุกสนาน ที่นี่ถือว่าเป็นจุดดำน้ำตื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เกือบตลอดทั้งปี เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมมากนัก ใกล้ ๆ กับเกาะปอดะเป็นที่ตั้งของเกาะไก่ เกาะทัพ เกาะหม้อ ซึ่งมีสันทรายเชื่อมต่อกันสวยงามมองเห็นได้อย่างชัดเจนเวลาที่น้ำลง ที่เราเรียกกันว่า “ ทะเลแหวก ” และได้รับการคัดเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen in Thailand อีกด้วย
3. หมู่เกาะพีพี เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะได้ชื่อว่าเป็นหมู่เกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลก็ล้วนอุดมสมบูรณ์อยู่ทั่วบริเวณ ทั้งหมู่มวลปะการัง ดอกไม้ทะเลที่พริ้วไหวโอนเอนไปตามกระแสน้ำ และฝูงปลามากมาย หมู่เกาะพีพี แต่เดิมพวกชาวเลเรียกว่า “ ปูเลาปิอาปิ ” คำว่า “ ปูเลา ” แปลว่า เกาะ คำว่า “ ปิอาปิ ” แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมาเรียกว่า “ ต้นปีปี ” ซึ่งภายหลังเพี้ยนเสียงเป็น “ พีพี ” จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะพีพี ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร สามารถเดินทางมาได้ด้วยเรือเฟอร์รี่และเรือสปีดโบ้ท
หมู่เกาะพีพีประกอบด้วย 6 เกาะ คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน แต่ที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ได้แก่
เกาะพีพีดอน เป็นเกาะที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะนี้คือประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร กว้าง 3.5 กิโลเมตร ยาว 8 กิโลเมตร มีหาดทรายและเวิ้งอ่าวอันสวยงาม ภาพที่เป็นเสมือนมนต์สะกดสายตาทุกคู่ของผู้มาเยือน คือเวิ้งอ่าวคู่ของ อ่าวต้นไทรและ อ่าวโละดาลัม ที่กล่าวกันว่าสวยงามติดอันดับโลก อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี มีรีสอร์ทที่พักและร้านค้าเรียงรายจำนวนมาก จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวเพื่อชมความงดงามของเวิ้งอ่าวคู่ได้ ส่วนด้านเหนือของเกาะเป็นหมู่บ้านชาวเล เรียกว่า “ แหลมตง ” ซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
เกาะพีพีเล เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร ลักษณะทั่วไปเป็นภูเขาหินปูน หน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ พื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร บริเวณน้ำลึกที่สุดประมาณ 34 เมตรอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เกาะแห่งนี้ยังประกอบไปด้วยเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ และถ้ำไวกิ้ง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2515 และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “ ถ้ำพญานาค ” ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำยังพบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้างและรูปเรือใบชนิดต่างๆ รวมทั้งเรือสำเภา เรือกำปั่น และเรือกลไฟ จากหลักฐานเหล่านี้ จึงสันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นภาพเขียนฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เนื่องจากบริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้า
เกาะยูง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา อีกทั้งยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่าง ๆ เป็นที่ชื่นชอบของนักดำน้ำ
เกาะไม้ไผ่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอนเช่นเดียวกับเกาะยูง และอยู่ไม่ห่างไกลกันเท่าไรนัก เป็นจุดดำน้ำที่สวยงาม แนวปะการังส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวาง และมีหาดทรายเม็ดละเอียดขาวเนียนทอดยาว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักนิยมมาพักผ่อนอาบแดด
4. หมู่เกาะห้อง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ห่างจากตัวเมืองกระบี่ 46 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมาย เช่น เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะยังมีเส้นทางเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติ เป็นระยะทาง 400 เมตร นอกจากกิจกรรมดำน้ำดูปะการังแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถพายเรือคายัครอบ ๆ เกาะห้องได้
5. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีเนื้อที่ประมาณ 152 ตารางกิโลเมตร ในอำเภอเกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่
เกาะลันตาน้อย เป็นชุมชนของชาวเกาะลันตาในอดีตมาก่อน มีที่ว่าการอำเภอ สถานที่ราชการต่าง ๆ โรงเรียน บ้านเรือนและวิถีชีวิตของชาวพื้นถิ่นแบบดั้งเดิม
เกาะลันตาใหญ่ มีรูปร่างยาวเรียวจากเหนือมาใต้ มีรีสอร์ทที่พักตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ไปจนถึงระดับห้าดาว รวมทั้งงบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของมากมาย บริเวณท่าเรือศาลาด่านผู้คนจะพลุกพล่าน เปรียบเสมือนแหล่งธุรกิจบนเกาะนี้ ด้านตะวันตกของเกาะเรียงรายไปด้วยชายหาดมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ได้แก่ หาดคอกวาง หาดคลองดาว หากดพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองโตบ หาดคลองนิน และหาดบากันเตียง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ มีถนนตัดจากท่าเรือตอนเหนือผ่านชายหาดต่าง ๆ ไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะ ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเกาะลันตาใหญ่อยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน
เกาะตะละเบ็ง อยู่ระหว่างท่าเรือคลองม่วง-เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหินปูน มีชายหาดเล็กๆ และโพรงถ้ำ ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้เฉพาะเวลาน้ำลง มีนกนางแอ่นจำนวนมากอาศัยอยู่บนเกาะ ส่วนกิจกกรรมยอดนิยมของเกาะนี้คือ การพายเรือคายัคชมธรรมชาติ
เกาะรอกใน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ย่อยของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ด้านทิศตะวันออกมีหาดทรายที่ละเอียดขาวเนียน น้ำทะเลใสราวกับกระจกจนมองเห็นปลาหลากสีสัน และแนวปะการังเป็นกลุ่ม ๆ ตามโขดหิน ด้านทิศเหนือของเกาะมีแหลมธงและอ่าวศาลเจ้า บนเกาะยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเพื่อดูพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
เกาะรอกนอก มีหาดทรายขาวละเอียดอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้และทางใต้ของเกาะ ทั้งเกาะรอกนอกและเกาะรอกใน เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังและฝูงปลาที่ติดตาตรึงใจนักท่องเที่ยวไม่รู้ลืม ดังนั้นใครที่มีโอกาสมาเที่ยวเกาะลันตา อย่าพลาดจุดดำน้ำอันแสนประทับใจที่เกาะรอก
6. น้ำตกร้อนคลองท่อม (Unseen in Thailand) ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งหนึ่งในบรรดาน้ำพุร้อนอีกหลายแห่งที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณนี้ มีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส เป็นน้ำร้อนที่ซึมขึ้นมาจากผิวดิน ซึ่งมีป่าละเมาะปกคลุมร่มรื่น สายน้ำไหลไปรวมกันตามความลาดเอียงของพื้นที่ บางช่วงมีควันกรุ่น และคราบหินปูนธรรมชาติพอกอยู่เป็นชั้นหนา ทำให้เกิดทัศนียภาพสวยงามแปลกตา เฉพาะบริเวณที่ธารน้ำร้อนไหลลงสู่คลองท่อมลดระดับเกิดเป็นลักษณะคล้ายชั้นน้ำตกเล็ก ๆ น้ำไม่ร้อนจัดมากสามารถลงเล่นน้ำหรือแช่ตัวได้ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและความเมื่อยล้า
7. สระมรกต (Unseen in Thailand) ใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกร้อนคลองท่อม ตามทางหลวงหมายเลข 4038 ก่อนถึงตลาดคลองท่อมจะมีทางแยกไปหมู่บ้านบางเตียว ระยะทาง 17 กิโลเมตร ภายในมีสะพานไม้ให้เดิน เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ ผ่านป่าดิบชื้นเป็นระยะทาง 800 เมตร สระมรกต เป็นสระน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ น้ำในสระมีสีเขียวราวมรกต สามารถลงเล่นน้ำได้ ท่ามกลางป่าดิบชื้นแน่นขนัด และเป็นที่อยู่ของนกนานาชนิด เช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกเงือกดำ เป็นต้น
8. ท่าปอมคลองสองน้ำ (Unseen in Thailand) จากกระบี่ ให้ใช้เส้นทางถนนป่าพรุ-ท่าปอม สู่บ้านหนองจิก ระยะทางประมาณ 28 กม. เป็นธารน้ำที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เนื่องจากลำคลองน้ำมีทั้งช่วงที่น้ำจืดสนิท และช่วงที่มีน้ำกร่อย เมื่อยามน้ำทะเลลด น้ำในคลองจืดสนิท ยามน้ำทะเลหนุนขึ้นก็เปลี่ยนเป็นคลองน้ำเค็ม ภายใต้ลำธารที่ใสสะอาดราวกระจก อุดมไปด้วยหญ้าทะเลเขียวสดงอกงาม รวมทั้งฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อย ป่าท่าปอมนับเป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่มีแหล่งน้ำสวยงาม อีกทั้งมีความสำคัญในแง่เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาด้วยโดยใช้เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ผ่านป่าพรุน้ำจืด ต้นชมพู่น้ำ โกงกาง และผักพื้นบ้านนานาชนิด ตลอดแนวลำคลอง ซึ่งมีความยาวประมาณ 700 เมตร
9. พายคายัค อ่าวท่าเลน นอกจากกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง หรือกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติแล้ว การพายคายัคก็น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากจังหวัดกระบี่สมบูรณ์พรั่งพร้อมไปด้วยธรรมชาติป่าชายเลน ระหว่างการพายคายัค นักท่องเที่ยวก็จะเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์โดยรอบที่แวดล้อมไปด้วยถ้ำ โตรกผา เขาหินปูน ป่าโกงกาง แมลง และสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่า ดังนั้นในแต่ละปีการพายคายัคจึงกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลย และที่สำคัญสามารถพายคายัคกันได้ตลอดทั้งปี สถานที่ที่นิยมพายคายัคมีหลายแห่งด้วยกัน อาทิ อ่าวท่าเลน เกาะห้อง บ่อท่อ อ่าวตะละเบ็ง เป็นต้น
10. ตัวเมืองกระบี่ กระบี่เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์สวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สันนิษฐานว่า เป็นแหล่งชุมชนโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีแม่น้ำกระบี่ซึ่งมีความยาว 5 กิโลเมตรไหลผ่านตัวเมืองลงสู่ทะเลอันดามันที่ตำบลปากน้ำ โดยมีเขาขนาบน้ำที่มีความสูงประมาณ 100 เมตร ขนาบแม่น้ำกระบี่อยู่ด้านหน้าตัวเมือง และถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ นักท่องเที่ยวจึงไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปเขาขนาบน้ำและทิวทัศน์ตรงบริเวณนี้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังสามารถนั่งรถสองแถวที่มีบริการอยู่ทั่วไป เที่ยวชมบรรยากาศ สัมผัสวิถีชีวิตชาวเมืองกระบี่ได้อีกด้วย ตกเย็นช่วงแดดร่มลมตก เหมาะที่จะออกมาเดินเล่นและหาอาหารอร่อย ๆ ทานได้ที่ตลาดโต้รุ่ง บริเวณท่าเรือเจ้าฟ้า และบริเวณตลาด ถนนมหาราช มีอาหารพื้นเมืองให้ลองลิ้มรสกันมากมาย ทั้งแกงไตปลา ขนมจีนน้ำยา น้ำพริก ทานกับผักสด ๆ โดยเฉพาะไก่ทอดพื้นเมืองที่กรอบนอกนุ่มในเป็นเอกลักษณ์แห่งความอร่อยของกระบี่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ โทร. 075-622163