![]() |
© copyright Lamaithailand 2003 All Rights Reserved บริษัท ละไม (ไทยแลนด์) จำกัด 299/783 สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 โทร. 086-970-8319, 081-988-3531, 095-163-6592 E-mail : info@lamaithailand.com
|

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จักรวาลทัศน์ของคนตะวันออก THE ERAWAN MUSEUM The Cosmography of the East
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เกิดจากความคิดริเริ่มของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ด้วยความที่มีความรักในงานศิลปะและมีความคิดที่จะสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของแผ่นดินไม่ให้ห่างหายไปจากจิตใจของคนไทย จึงก่อให้เกิดผลงานจากจินตนาการที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางศิลปกรรม สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งต้องการที่จะรักษาของโบราณที่ท่านสะสมไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางศิลปกรรมเท่านั้น หากยังเป็นรูปเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนโบราณด้วย ตามประเพณีในอดีต ของเหล่านี้เป็นของที่มีค่าควรเมือง เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและความอุดมสมบูรณ์แก่บ้านเมืองและแผ่นดิน
คุณเล็กจึงออกแบบสร้างเป็นรูปช้างเอราวัณของคนตะวันออก ช้างเอราวัณเป็นช้างบนสวรรค์ มีสามเศียร แต่คุณเล็กไม่นึกให้เป็นเพียงพาหนะของพระอินทร์ ผู้เป็นเทพเจ้า หากจินตนาการให้เป็นช้างจักรวาลที่มีอิสระ ในลักษณะที่สร้างให้เป็นอาคารศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุรูปเคารพ และสิ่งของที่เป็นสวัสดิมงคลของบ้านเมือง ซึ่งคุณเล็กท่านได้ออกแบบและมอบหมายให้คุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ บุตรชายคนโตหาช่างมาดำเนินการสร้าง โดยได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2537 และเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2537 รูปแบบของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์และช้างเอราวัณ ได้รับการออกแบบเรื่องโครงสร้างและควบคุมดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีความสมบูรณ์สวยงาม โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยควบคู่กันไปกับความสวยงามทางด้านศิลปะ เป็นงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและความสามารถในเชิงช่างศิลป์อันวิจิตรตระการตา และสูงส่งในวิธีคิดอันลึกซึ้งแยบยล ซึ่งเป็นผลงานที่ประจักษ์ให้เห็นถึงจินตนาการ และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณค่าของศิลปะ และภูมิปัญญาของมนุษย์ ที่สามารถเนรมิตสิ่งที่ยากยิ่งให้กลับกลายเป็นจริงได้ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณออกแบบให้มีช้างเอราวัณยืนอยู่บนตัวอาคาร ความสูงจากพื้นดินถึงโหนกหัวช้างเท่ากับ 43.60 เมตร หรือเทียบเท่าความสูงของตึกราว 14-17 ชั้น ในส่วนของตัวช้างเอราวัณ มีความกว้าง 12 เมตร ยาว 39 เมตร และสูง 29 เมตร น้ำหนักของลำตัวช้าง 150 ตัน น้ำหนักของเศียรช้าง 100 ตัน รวมแล้วถึง 250 ตัน วัสดุที่ใช้ทำตัวช้าง โครงสร้างภายในเป็นเหล็ก ผิวช้างใช้แผ่นทองแดงนับแสนแผ่นหุ้มปิดโครงสร้างเอาไว้ จึงถือได้ว่าเป็นงานก่อสร้างที่เป็นทองแดงที่ใช้วิธีการเคาะขึ้นรูปด้วยมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
วัตถุประสงค์ของพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 1. เพื่อสืบสานงานช่างศิลป์ไทย และเผยแพร่ความรู้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป 2. เพื่อจัดเป็นสถานที่เก็บรักษาพระพุทธรูปและศิลปวัตถุ ให้มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ ได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปลอดภัย ด้วยความมุ่งหวังว่าจะไม่ให้วัตถุโบราณเหล่านี้ออกนอกประเทศ 3. ด้วยความประสงค์ที่จะให้สถานที่เก็บรักษาเหมาะสมกับพระพุทธรูปและศิลปวัตถุ จึงได้สร้างสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ตามคติโลกทัศน์ของคนตะวันออก จึงจัดแสดงให้ส่วนของพิพิธภัณฑ์ชั้นล่างเปรียบดั่งนครบาดาล โถงอาคารประดุจเขาพระสุเมรุ และพื้นที่ของตัวช้างเอราวัณประดิษฐานพระพุทธรูปเปรียบดั่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลักษณะของอาคารแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. ชั้นบาดาล (นาคพิภพ) โถงพิพิธภัณฑ์ฯ ชั้นล่างสุด ภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุและนิทรรศการ ที่กล่าวถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง ชีวิตและผลงานของคุณเล็ก และคุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ รวมถึงจัดแสดงโบราณวัตถุ อาทิ เครื่องเรือนโบราณ, เครื่องถ้วยของจีนและไทย เป็นต้น 2. ชั้นโลกมนุษย์ โถงอาคารชั้นบน ซึ่งเป็นอาคารทรงโดม ที่เปรียบประดุจเขาพระสุเมรุ ภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุ และแสดงงานฝีมือช่างที่มีความวิจิตรงดงามตระการตา โดยนำเอางานศิลปะของตะวันออกและตะวันตกมาผสมผสานกันอย่างลงตัว การตกแต่งงานศิลปะ ประกอบไปด้วยงานฝีมือช่างไทย ซึ่งมีอยู่สองส่วนคือ ส่วนแรก เป็นงานปูนปั้นฝีมือช่างเพชรบุรี บริเวณบันไดและซุ้มประตูทางเข้า และบริเวณภายในตัวอาคาร มีลักษณะพิเศษตรงที่การนำถ้วยเบญจรงค์มาประดับลวดลายจนเกิดความสวยงามวิจิตรบรรจง ส่วนที่สอง เป็นงานสลักดุนบนแผ่นดีบุก ทำเป็นรูปภาพของศาสนา นำมาประกอบเข้าไว้ด้วยกัน หุ้มเสาอาคารจำนวน 4 ต้น เสมือนดั่งให้ศาสนาเป็นเสาหลักที่คอยค้ำจุนโลก เนื่องจากหากมองไปบนเพดานจะเห็นภาพแผนที่โลกและจักรราศีซึ่งเป็นศิลปะแบบตะวันตก เป็นงานกระจกสีอันสวยงามที่ออกแบบและวาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงจากประเทศเยอรมนี 3. ชั้นสวรรค์ดาวดึงส์ (ภายในท้องช้าง) ตัวอาคารที่เป็นรูปช้างเอราวัณ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปยุคสมัยต่าง ๆ และภายในห้องนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น ที่เขียนขึ้นเป็นภาพสุริยะจักรวาลไว้อย่างสวยงามและทรงคุณค่า
การเข้าชมภายในส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่นำชมสำหรับบรรยายและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม โดยเริ่มตั้งแต่ชั้นบาดาล ชั้นโลกมนุษย์ จนกระทั่งถึงชั้นสวรรค์ ใช้ระยะเวลาในการเข้าชมประมาณ 40 นาที ซึ่งการเปิดรอบเข้าชมจะเปิดทุกครึ่งชั่วโมง ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ยังไม่ถึงกำหนดเข้าชมในแต่ละรอบ ท่านสามารถเดินชมสวนบริเวณโดยรอบ ที่ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ได้จัดตกแต่งเป็นอุทยานพันธุ์ไม้ในวรรณคดี พันธุ์ไม้หายากต่าง ๆ ประดับตกแต่งงานประติมากรรมลอยตัวรูปสัตว์ในป่าหิมพานต์ไว้อย่างสวยงามและร่มรื่น พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเป็นผลงานอันดับที่ 3 โดยผลงานแห่งแรกคือ เมืองโบราณ บางปู จังหวัดสมุทรปราการ และผลงานแห่งที่ 2 ได้แก่ ปราสาทสัจธรรม จังหวัดชลบุรี
ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 17.00 น. การเดินทาง รถประจำทางสาย 25, 142, 365 รถปรับอากาศสาย ปอ.102, ปอ.507, ปอ.511, ปอ.536 ติดต่อสอบถาม โทร. 0-2371 3135-6, 0-2380 0305
|