เข้าสู่ฤดูปิดเทอมใหญ่กันแล้วสำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา หลายคนก็คงจะได้พักผ่อนหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาพากเพียรเรียนหนังสือมาตลอดทั้งเทอม ฉันเองเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยก็จะใจจดใจจ่ออยู่กับการเรียน แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาปิดภาคเช่นกัน เพราะฉันและผองเพื่อนจะได้เที่ยวเล่นตามป่าตามทุ่งให้หนำใจ
ครั้นมาปิดเทอมนี้ฉันจึงขอเอาใจน้องๆหนูๆ และผู้ที่มีใจรักสัตว์ โดยการท่องไปในสวนสัตว์เปิด "ซาฟารีเวิลด์" อาณาจักรแห่งความสุขและสนุกไปกับความน่ารักและแสนรู้ของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ นอกจากนี้ในปีนี้ทางซาฟารีเวิลด์ยังได้เปิดโซนใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการฉลองครบ 20 ปี ซาฟารีเวิลด์...อาณาจักรแห่งความสุข อีกด้วย
สำหรับการเที่ยวในซาฟารีเวิลด์ จะมีการแบ่งส่วนพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ซาฟารีปาร์ค และ มารีนปาร์ค โดยฉันเลือกที่จะเที่ยวในส่วนซาฟารีปาร์คก่อน ในส่วนนี้จะเป็นในรูปแบบของสวนสัตว์เปิดที่นักท่องเที่ยวสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าเที่ยวชมในส่วนนี้ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของทางซาฟารีปาร์คอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยแก่ตนเอง แต่สำหรับฉันฉันขอใช้บริการรถบัสเล็กของทางซาฟารีซึ่งเป็นรถปรับอากาศเย็นสบายพร้อมผู้บรรยายที่เชี่ยวชาญ
ในส่วน "ซาฟารีปาร์ค" นักท่องเที่ยวรวมทั้งฉันจะได้สัมผัสใกล้ชิดกับฝูงสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ และสัตว์อนุรักษ์กว่าพันตัวจากทั่วโลก โดยแบ่งย่อยออกเป็น 7 โซนด้วยกัน รถพาฉันวิ่งมุ่งหน้าไปยังโซนแรกนั่นคือ "โซนยีราฟ" ที่มียีราฟในสวนสัตว์เยอะที่สุดในเอเชีย คือประมาณ 50 ตัว เหล่ายีราฟที่ชูคอยาวยาวอวดนักท่องเที่ยวอยู่นั้นแบ่งออกเป็น 2 พันธุ์ คือพันธุ์มาไซ ซึ่งจะมีลายสีเข้มๆเห็นเด่นชัด ส่วนตัวที่มีสีอ่อนลายไม่ค่อยชัดนักคือพันธุ์เซาท์แอฟริกา
ในโซนนี้นอกจากจะมีสัตว์ที่คอยาวที่สุดในโลกแล้วยังมีนกนานาชนิด ทั้งที่ทางซาฟารีปาร์คนำมาเลี้ยงและนกตามธรรมชาติและนกอพยพที่เกิดติดอกติดใจอยากจะฝากเนื้อฝากตัวมาอยู่อาศัยในที่แห่งนี้ด้วย อาทิ นกกระสา นกกาบบัว นกปากห่าง นกพิลิแกน นกกาน้ำ นกกระยาง นกกางเขน เป็นต้น และยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในโซนนี้ เช่น แรดขาวซึ่งมีเหลืออยู่น้อยแล้วในทุ่งหญ้าแอฟริกา นกกระจอกเทศ นกที่บินไม่ได้แต่มีขาที่แข็งแรงวิ่งได้เร็วถึง 80 กม./ชม. ม้าลายที่ทางสวนสัตว์เปิดแห่งนี้สามารเพาะพันธุ์ผสมพันธุ์ได้เอง อูฐหนอกเดียว ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเรือรบแห่งทะเลทราย เนื่องจากหนอกสามารถเก็บกักอาหารได้
โซนต่อไปได้แก่ "โซนกวางและแอนทีโลป" โดยสัตว์สองชนิดนี้มองผิวเผินจะคล้ายกัน แต่กวางจะมีเขาแค่เพศผู้ ส่วนแอนทีโลปจะมีเขาทั้งสองเพศ นอกจากนี้ยังมีกระทิง, นิลไก, เนื้อทราย, วัววาตุซี่, โอริกซ์ เป็นสัตว์ที่มีเขายาวสูงสวยงามทั้งตัวผู้และตัวเมีย, แบล็คบัค ซึ่งมีลักษณะที่ผู้ชายอยากจะเป็นมากๆ คือแบล็คบัค 1ฝูง จะมีตัวผู้เพียง 1ตัว และมีตัวเมียมากมายเหมือนมีฮาเร็มเป็นของตัวเอง
ก่อนจะออกจากโซนกวางฉันได้มีโอกาสเห็นแม่กวางที่กำลังจะคลอดลูกตามธรรมชาติของมัน นอนเจ็บท้องอยู่ริมรั้วมีน้ำเดินไหลออกมาบ้างแล้ว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าคงอีกนานเป็นชั่วโมงกว่าแม่กวางจะคลอดลูกออกมาให้เห็น ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถอยู่รอดูได้
ถัดไปเป็นโซนอันตราย แต่หลายๆคนกลับโปรดปราน นั้นคือ "โซนสิงโต" ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งป่า สำหรับสัตว์ชนิดนี้ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ผู้ชายอยากจะเป็น เพราะนอกจากจะมีฮาเร็มส่วนตัวแล้ว ก็ทำหน้าที่นอนเฝ้าฝูงเท่านั้น ส่วนหน้าที่ทำมาหากินเป็นของตัวเมีย แหม...ช่างน่าอิจฉา
และก็ต้องถือเป็นโชคดีอยากมากที่ในขณะนั้นมีการให้อาหารสิงโตพอดี ฉันและเพื่อนร่วมรถจึงได้มีโอกาสได้เห็นสิงโตกินเนื้อสดๆกันกับตาตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่หญิงที่ให้อาหารจะอยู่ในกรงบนรถแล้วเอาเนื้อหย่อนให้สิงโตกิน ดูแล้วก็เสียวเหมือนกันเพราะเหล่าสิงโตจะมารุมปีนป่ายอยู่ที่กรงและรถเป็นพัลวัน นี่ถ้าเป็นฉันคงหัวใจวายตายตั้งแต่เห็นสิงโตเดินตรงเข้ามาหาที่กรงแล้ว ช่างกล้าหาญจริงๆ
ถัดจากโซนสิงโตก็ยังคงอยู่ในโซนที่อันตรายเช่นกัน นั่นคือ "โซนเสือเบงกอล" ที่มาจากรัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย ในโซนนี้ก็เช่นกันรถให้อาหารคันเดิมหลังจากที่ให้อาหารสิงโตจนอิ่มหนำแล้วก็มุ่งตรงมาให้อาหารอันโอชะแก่บรรดาเสือเบงกอลในโซนนี้กันต่อ ถือว่าวันนี้ฉันช่างโชคดีจริงๆที่ได้ดูการให้อาหารสัตว์ล่าเนื้อถึง 2 เด้งกันไปเลย
ออกจากโซนเสือแล้วก็เข้าสู่ "โซนผสมระหว่างเสือและสิงโต" ฉันได้ฟังก็ตกใจว่าทำไมเอาสัตว์ที่แย่งชิงความเป็นเจ้าป่าทั้งสองชนิดมาอยู่ด้วยกัน แบบนี้มันไม่กัดกันตายหรืออย่างไร ทางเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะรู้ใจ อธิบายต่อว่า ทางซาฟารีต้องการพัฒนาพันธุ์ใหม่ อยากได้สัตว์ที่ออกมาเป็นลูกผสมระหว่างเสือและสิงโต จึงได้ทำโซนให้สัตว์ทั้งสองชนิดมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ทำการฝืนธรรมดาแต่เป็นการให้สัตว์ทั้งสองได้อยู่ร่วมกันและอาจมีการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ ส่วนลูกที่ออกมานั้นถ้าพ่อเป็นสิงโตแม่เป็นเสือจะเรียกว่า ไลเกอ หากพ่อเป็นเสือแม่เป็นสิงโต จะเรียกว่า ไทออน แต่ปัจจุบันสัตว์ทั้งสองชนิดยังไม่มีการออกลูกมาให้ยลเลย เราคงต้องรอดูกันต่อไป
โซนต่อไปเป็น "โซนหมีควายและหมีดำแคนนาดา" ซึ่งหมีควายจะมีสัญลักษณ์ตรงคอ คือขนที่คอของหมีควายจะมีสีขาวเป็นรูป ตัววี ในภาษาอังกฤษ ระหว่างที่ขนทั่วตัวจะมีสีดำ ส่วนหมีแคนนาดามักจะอาศัยอยู่ใกล้น้ำ และโซนสุดท้ายในส่วนของซาฟารีปาร์คคือ "โซนควายป่าแอฟริกาและนกยูง" สำหรับนกยูงนั้นจะมีสองพันธุ์คือนกยูงอินเดียซึ่งจะมีขนตรงคอสีเขียวแมงทับดูสดใส และนกยูงไทยจะมีขนตรงคอสีเขียวเข้มดูไม่สดใสเหมือนนกยูงอินเดีย
จากการเที่ยวชมสวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์คทั้ง 7 โซน ด้วยระยะทางรวม 10 กิโลเมตรก็จบลงในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถัดจากนี้ฉันจะไปลุยต่อในส่วนของ "มารีนปาร์ค" ในส่วนนี้จะมีการแสดงโชว์ของสัตว์โลกผู้น่ารักมากมายทั้งโชว์อุรังอุตัง โชว์สิงโตทะเล โชว์โลมาและวาฬขาว โชว์นก โชว์ช้าง โชว์ให้อาหารหมีขาว ซึ่งการแสดงโชว์ทั้งหมดนี้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับสัตว์แสนรู้ผู้น่ารักอย่างใกล้ชิด
ฉันขออุบรายละเอียดในการแสดงแต่ละโชว์ไว้ เพราะอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาชมได้สนุกตื่นเต้นเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึก ฉันเองเมื่อได้ชมโชว์ของเหล่าสัตว์แสนรู้ต่างๆ ก็ต้องบอกเลยว่าน่าทึ่งจริงๆ ที่สัตว์เหล่านี้สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างน่ารัก เรียกเสียงปรบมือและรอยยิ้มจากผู้เข้าชมได้ตลอดเวลาของการแสดง นอกจากนี้ยังมีการแสดงโชว์สงครามจารกรรม (Spy War Show) และเวสเทิร์น คาวบอย สตั๊นท์โชว์ ให้ได้ลุ้นระทึกและตื่นเต้นไปกับสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คที่สมบูรณ์แบบโดยทีมงานระดับโลกเลยทีเดียว
แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเราต้องจัดเวลาการเข้าชมการแสดงแต่ละโชว์ให้ดี เพราะมีเพียงวันละ 1 รอบการแสดงเท่านั้น ถ้าพลาดล่ะก็เสียดายอย่างมากเชียวหล่ะ และควรจะมาตั้งแต่เวลาเปิด 9.00 น. เพราะเราจะใช้เวลาอยู่ในโลกซาฟารีแห่งนี้ทั้งวัน จนลืมเวลาปิดไปเลยทีเดียว
นอกจากในส่วนของการแสดงโชว์แล้ว ยังมีส่วนของสัตว์อนุรักษ์ สัตว์สวยงาม สัตว์หายากจากทั่วโลก และโซนที่เปิดใหม่ล่าสุดเนื่องในโอกาสฉลองครบ 20 ปีซาฟารีเวิลด์ ได้แก่ "โซนจังเกิลวอลค์" ที่ได้สร้างสิ่งใหม่ๆเพิ่มเติมอีกกว่า 40 รายการ อาทิ ศูนย์เพาะพันธุ์ไข่เอ็กส์เวิลด์ อาณาจักรที่รวบรวมความรู้เรื่องไข่ของนกนานาชนิด, บ่อวอลรัส ช้างน้ำจากทะเลดำหนักกว่า 2 ตัน ที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือของรัสเซีย หากใครไปชมเจ้าวอลรัสนี้ก็อย่าเผลอยืนนาน เพราะมันชอบพ่นน้ำใส่ เตือนไว้ก่อนเดี๋ยวจะเปียกปอนเหมือนฉัน
อ่างแมวน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความสนใจ เพราะจะได้เห็นแมวน้ำจากอเมริกาใต้นอนเล่นให้เราชมในจังเกิลวอลค์แห่งนี้ อีกที่หนึ่งที่ฉันชื่นชอบเป็นอย่างมากคือ "มินิเวิลด์" ในมินิเวิลด์แห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารนกแก้วซันคอนนัวร์กว่า 1,000 ตัว ที่จะมากินอาหารบนมือของเราเองอย่างน่ารักน่าตื่นเต้น
และที่ฉันคิดว่า หากมายังซาฟารีเวิลด์แห่งนี้แล้วไม่ควรพลาดอีกอย่างก็คือ การอุ้มลูกเสือและลูกสิงโตพร้อมให้นม ลองคิดดูซิว่าชีวิตนี้เราจะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่จะได้อุ้มได้กอดได้ให้นมลูกของสัตว์ล่าเนื้อที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งป่าที่ดุร้ายกับมือตัวเอง และยังมีการให้อาหารยีราฟกับปากอีกด้วย ช่างคุ้มค่าและห้ามพลาดจริงๆ
ปิดเทอมนี้ฉันขอแนะนำให้ลองหาเวลาว่างสัก 1 วันเต็มๆ มาสัมผัสกับความน่ารัก ความสนุก ความสุข ในซาฟารีเวิลด์แห่งนี้ แล้วจะรู้ว่าปิดเทอมนี้มีสีสันเพียงไร ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว มากับคู่รัก หรือมากับเพื่อนฝูงก็เหมาะเจาะเหมาะเหม็ง เพราะเขาใช้สโลแกนว่า "ซาฟารีเวิลด์ อาณาจักรแห่งความสุข"
ซาฟารีเวิลด์ ตั้งอยู่ที่ 99 ถ.ปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ10510 เปิดให้บริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับคนไทย บัตรชุด(ซาฟารีปาร์ค+มารีนปาร์ค) ผู้ใหญ่ 470 บาท/คน เด็กสูง 101-140 ซ.ม. 330 บาท/คน หรืออัตราค่าเข้าชมในส่วนของซาฟารีปาร์ค ผู้ใหญ่ 240 บาท/คน เด็ก 200 บาท/คน, มารีนปาร์ค ผู้ใหญ่ 390 บาท/คน เด็ก 260 บาท/คน สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2914-4100-19, 0-2518-1000-19
การเดินทางโดยรถประจำทางสาย 26, 60, 71, 96, 115 รถปรับอากาศสาย ปอ.501, ปอ.26, ปอ.60 โดยมาต่อรถสองแถวที่หน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ หรือที่ซอยคู้บอน ถ.รามอินทรา กม.8 หรือใช้บริการแท็กซี่ ต่อมายังซาฟารีเวิลด์
ซาฟารีเวิลด์ Tel : ( 662 ) 914 4100-19, 518 1000-19
เรื่อง / ภาพ : Manageronline