© copyright Lamaithailand 2003 All Rights Reserved บริษัท ละไม (ไทยแลนด์) จำกัด 299/783 สุขาภิบาล 5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220 โทร. 086-970-8319, 081-988-3531, 095-163-6592 E-mail : info@lamaithailand.com |
YOKOSO JAPAN ยินดีต้อนรับ สู่ประเทศญี่ปุ่น
วันนี้ขอทักทายท่านผู้อ่านด้วยภาษาญี่ปุ่นว่า YOKOSO JAPAN ครับ ซึ่งแปลว่า ยินดีต้อนรับ สู่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น มีความหลากหลายอันน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกาลท้องถิ่น หรือความทันสมัยไฮเทค ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเลยทีเดียวครับ
ประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ทั้งหมด 378,000 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะใหญ่มี 4 เกาะด้วยกัน คือ ฮอนชู ชิโคะคุ คิวชู และฮอคไกโด รวมทั้งหมู่เกาะต่าง ๆ อีกกว่า 6,800 เกาะ ประชากรมีประมาณ 130 ล้านคน เมืองที่มีประชากรหนาแน่นคือ โตเกียว มีประชากรถึง 12 ล้านคนซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศด้วย ส่วนศาสนาหลัก ๆ ที่นับถือกันได้แก่ ศาสนาพุทธและชินโต
ในช่วงต้นปีอย่างนี้ ลักษณะอากาศที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงฤดูหนาวครับ ซึ่งฤดูหนาว เริ่มมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ และในเทศกาลปีใหม่ของชาวญี่ปุ่นนั้น ร้านค้า บริษัทต่าง ๆ ปิดทำการ ส่วนใหญ่จะอยู่กับครอบครัวเลี้ยงฉลองปีใหม่ด้วยอาหารมื้อพิเศษ ไหว้พระขอพรให้มีสุขภาพดี มีความสุข บางคนก็สวมใส่ชุดกิโมโนด้วยเพราะถือเป็นโอกาสพิเศษ
ด้วยความที่พื้นที่ของประเทศนี้ แผ่ออกไปตามความยาวถึง 3,000 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้ ทำให้ญี่ปุ่นมีทัศนียภาพในแต่ละภาคหลากหลายแตกต่างกัน และเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ดังนั้น จึงย่อมจะมีความแตกต่างของภูมิอากาศกันไปบ้างในบางภาค บางพื้นที่ ภาคเหนือจะมีอากาศหนาวจัด อย่างเช่น เกาะฮอคไกโด เขาจัดเทศกาลหิมะ (Snow Festival) กันทุกปี ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่เมืองซัปโปโรเมืองสำคัญบนเกาะฮอคไกโด โดยมีการแกะสลักหิมะและน้ำแข็งขนาดใหญ่มหึมา รูปร่างต่าง ๆ มากมาย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนกันเป็นจำนวนมาก และอาหารที่ขาดเสียไม่ได้เลย คือการรับประทานปูทะเลสด ๆ จากเกาะฮอคไกโด เขาจะนิยมรับประทานกันในฤดูหนาว และอาหารอีกประเภทหนึ่ง คือ ก๋วยเตี๋ยวราเมง ก็มีต้นกำเนิดมาจากเกาะฮอคไกโดนี้ล่ะครับ
ส่วนทางใต้สุดนั้นอากาศค่อนข้างอบอุ่น ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม ซึ่งฤดูร้อนถือเป็นฤดูแห่งเทศกาลดอกไม้ไฟ ในยามค่ำคืน ชุมชนตามเมืองต่าง ๆ จะนิยมจุดดอกไม้ไฟกันอย่างสนุกสนาน มีระบำพื้นเมืองให้ชมกัน ทำให้เกิดการนัดพบสังสรรค์กันตามท้องถิ่นในเทศกาลฤดูร้อน
ส่วนฤดูใบไม้ผลิ เริ่มเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม เป็นฤดูแห่งดอกไม้ ที่เรารู้จักกันดี คือ ดอกซากุระ ส่วนดอกไม้ชนิดอื่น ๆ อาทิ ดอกคามิเลีย ไอริส ดอกบัว จะเบ่งบานสะพรั่งอวดความสวยงามกันในช่วงนี้ รวมถึงเทศกาลเล่นว่าวก็จัดกันในเดือนพฤษภาคม ที่เมืองฮะมะมัตสึ ซึ่งเป็นสนามว่าวขนาดใหญ่ ที่มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนมาก มีว่าวหลากหลายประเภทเข้าร่วมในรายการ
ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ใบไม้ผลัดใบและเปลี่ยนสี มองไปทางใดจะเห็นสีทอง สีเหลือง สีแดงของใบไม้ซึ่งโรแมนติดมาก ๆ
พูดถึงความโรแมนติคของต้นไม้ หากท่านผู้อ่านชอบเมืองที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้เยอะ ๆ ผมว่าเมืองเซนได น่าจะเหมาะครับ เพราะเมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้
เมืองเซนได ( Sendai ) เป็นเมืองศูนย์กลางที่สำคัญอยู่ในจังหวัดมิยากิ ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์กลางทางด้านการทหารและการเมืองของเขตโทโฮะคุ ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 8 เมืองเซนไดนั้นมีความทันสมัย เป็นเมืองที่ใหญ่ทีสุดและนับเป็นตัวแทนของเขตโทโฮะคุอีกด้วย โดยมี ดาเทะ มาซามุเนะเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานวางรกรากที่นี่ในศตวรรษที่ 17 เขาได้สร้างสิ่งก่อสร้างหลายแห่ง เช่น ปราสาทเซนได และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งเมืองเซนได การเดินทางมาเมืองเซนไดซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตโทโฮะคุนั้น สามารถขึ้นเครื่องบินจากโตเกียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง มาลงที่สนามบินเซนได หากเดินทางมาจากนาโกยา, โอซากา, หรือซัปโปโร ก็ใช้เวลาใกล้เคียงกันประมาณ 1.10 ชั่วโมงครับ หากท่านเดินทางโดยรถไฟจากโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซนสายโทโฮะคุ เจอาร์ มาลงที่สถานีเซนได ใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ ย่านใจกลางเมืองเซนได นอกจากผสมผสานกับทิวทัศน์ทางธรรมชาติได้อย่างลงตัวแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้ซึมซับงานศิลปะทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าจากสถานที่ต่าง ๆ ทางวัฒนธรรม ส่วนแหล่งช้อปปิ้งนั้น หากท่านนั่งรถจากสถานีรถไฟเซนไดตรงไปยังถนนชูโอ ย่านอิชิบังโชและถนนโจเซนจิ บริเวณนี้ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด มีทั้งร้านค้าเสื้อผ้า สินค้าของฝากของที่ระลึกต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านที่ตกแต่งแบบทันสมัย และตกแต่งแบบมีศิลปะเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองนั้น ผมขอแนะนำท่านผู้อ่านซื้อตั๋วเที่ยวรอบเมืองในหนึ่งวัน รูปุรุเซนได เป็นตั๋วขึ้นรถเมล์ เที่ยวรอบเมือง ที่สะดวกและประหยัด ค่าโดยสารสำหรับตั๋วเที่ยวเดียว 250 เยน สำหรับตั๋วหนึ่งวัน 600 เยน ซึ่งตั๋วแบบหนึ่งวันนี้ ยังใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ได้ แต่ต้องเป็นสถานที่ที่แสดงเครื่องหมายว่าสามารถใช้ตั๋วนี้เป็นส่วนลดได้นะครับ เช่น พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได หอดูดาว ศูนย์แสดงเอกสารทางประวัติศาสตร์ สุสานซุยโฮเด็ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดมิยากิ รถเมล์สำหรับตั๋วเที่ยวรอบเมืองนั้น ออกเที่ยวแรกเวลา 09.00 น. เที่ยวสุดท้ายเวลา 16.00 น. โดยออกทุกครึ่งชั่วโมง วิ่งหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง การชำระค่าโดยสารจะชำระเวลาเราลงจากรถ โดยสอดตั๋วลงในเครื่องเก็บตั๋ว
ส่วนสถานที่ที่น่าสนใจที่แนะนำให้ไปเยือนโดยใช้ตั๋วเที่ยวรอบเมือง ได้แก่ ตลาดสดตอนเช้า (เซนไดอะสะอิชิ) มีร้านขายผัก ผลไม้ อาหารสด ๆ มากมาย แต่ที่แนะนำเนี่ย ไม่ได้อยากให้ซื้ออาหารสด ๆ นะครับ ผมอยากให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าของคนเมืองเซนไดครับ เที่ยวชมวิถีชีวิตประจำวันของคนที่นั่นว่าเป็นอย่างไร พิพิธภัณฑ์เมืองเซนได เป็นสถานที่ที่แสดงถึงประวัติความเป็นมาและศิลปะของเมืองนี้ ซึ่งแสดงเอกสารทางประวัติศาสตร์มากถึง 7,600 ชิ้น อาทิ สมบัติที่มีค่าทางวัฒนธรรมของตระกูลดาเทะ ซึ่งเคยเป็นผู้ครองเมืองในสมัยก่อน เช่น เสื้อเกราะ ดาบ รวมถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งทูตสัมพันธไมตรีกับยุโรปในสมัยเคโชซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติอีกด้วย พิพิธภัณฑ์จังหวัดมิยากิ แสดงผลงานของนักเขียน นักประพันธ์ที่มีเชื้อสายในเขตโทโฮะคุและจังหวัดมิยากิ รวมถึงนักเขียน นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 3,700 ชิ้น และยังมีห้องแสดงผลงานถ่ายทอดผลงานที่มีชื่อเสียงต่างๆ ในโลกทางจอภาพเทคโนโลยีระดับสูง ปราสาทเซนได เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยดาเทะ มาซามุเนะประมาณ 400 ปีก่อน และมุมป้อมปราการซึ่งสร้างโดยก้อนหินขนาดใหญ่และได้รับการบูรณะซ่อมแซมอย่างประณีต รูปปั้นนักรบขี่ม้าดาเทะ มาซามุเนะซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมืองก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ด้วย ซุยโฮเด็ง เป็นสุสานของดาเทะ มาซามุเนะ อดีตผู้ครองเมืองเซนได เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมะโมะยามะที่สวยงามท่ามกลางต้นสน ภายในอาคารแสดงชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสุสานตระกูลดาเทะสามสมัย
พอออกไปนอกเมือง ท่านจะเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา ลำธาร แถบชานเมืองเซนได มีบ่อน้ำพุร้อนอะคิอุ และสะคุนามิ ซึ่งมีมากว่าหนึ่งพันปีแล้ว และบริเวณนี้จะมีที่พักและโรงแรมที่สะดวกสบาย ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มาเยือน กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมก็คือ การเล่นสกี หากเดินทางโดยรถยนต์ ออกนอกตัวเมืองเซนไดประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีลานสกีที่ขึ้นชื่อเลยก็คือ ลานสกีอิสิมิโคเก็ง สปริง วอลเลย์ ลานสกีเซนต์ แมรี่ ลานสกีอิสึมิกะทะเคะ เป็นต้น ซึ่งท่านสามารถเล่นสกี หรือ สโนว์บอร์ดได้อย่างสนุกสนานที่นี่ ส่วนงานเทศกาลที่สำคัญของเมืองเซนได คือ เทศกาลทานาบาตะ ( Sendai Tanabata Festival ) ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 6 8 สิงหาคม ของทุกปี เทศกาลอาโอบะ จัดในวันเสาร์และอาทิตย์ที่สามของเดือนพฤษภาคม การแสดงไฟอันงดงาม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 31 ธันวาคม งานเทศกาลถนนดนตรีแจ๊ส ที่โจเซนจิ ย่านใจกลางเมือง ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายน
เมื่อมาถึงเซนได ไม่ควรพลาดอาหารพื้นเมืองอันขึ้นชื่อ นั่นคือ ลิ้นวัวย่าง ซึ่งที่นี่ถือเป็นต้นตำรับเลยครับ โดยเขาจะใช้ลิ้นวัวหมักรสที่มีความหนามาย่างโดยใช้เตาถ่าน เสริฟกับข้าวร้อน ๆ และน้ำซุปหางวัว ในเมืองเซนไดจะมีร้านอาหารขายลิ้นวัวย่างอยู่ดาษดื่น แต่ละร้านก็มีรสชาติแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีซูชิ ซึ่งใช้ข้าวจากจังหวัดมิยากิและปลาที่ใช้ก็สด ๆ น่ารับประทานจริง ๆ ครับ ข้อมูล : องค์กรการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น และสมาคมการท่องเที่ยวแห่งเมืองเซนได |