ท่องทะเลตรัง สวรรค์อันดามัน

เรื่อง / ภาพ  โดย นายสุขใจ ละไมไทยแลนด์

          ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงพฤษภาคมของทุกปี จัดเป็นช่วงเวลาของฤดูการท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวทะเลทางฝั่งนี้คือการดำน้ำดูปะการัง ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำลึก (SCUBA DIVING)  และ ดำผิวน้ำ(SKIN DIVING) เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำเลยทีเดียว แต่ในที่นี้ผมขออนุญาตคุยกับท่านผู้อ่านเกี่ยวกับกิจกรรมดำผิวน้ำซึ่งเป็นการดำน้ำตื้นครับ เพราะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็สามารถสนุกสนานกับกิจกรรมนี้ได้ โดยก่อนลงทะเล นักท่องเที่ยวต้องสวมเสื้อชูชีพให้รัดกุม สวมหน้ากากดำน้ำ หรือที่เรียกกันติดปากว่า สวมสน๊อคเกิล นั่นแหละครับ และที่สำคัญไม่ควรดำน้ำกันตามลำพัง ควรมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญทางทะเลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

          ผมและเพื่อนเพิ่งกลับจากตรังเมื่อไม่กี่วันมานี้ เราไปร่วม join ทริปกับนักท่องเที่ยวของทางอินสยาม ทราเวล ซึ่งมากันเป็นคณะใหญ่เลย จังหวัดตรังมีพื้นที่ประมาณ 4,900 ตร.กม. อยู่ติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน มีจำนวนเกาะน้อยใหญ่ทั้งหมด 46 เกาะทั้งที่มีผู้คนอาศัยอยู่และไม่มี ถึงแม้ผมจะมาจังหวัดตรังหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคยเบื่อเลย ยังมีความรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสมาพักผ่อนเมื่อไร ผมก็จะนึกถึงการดำน้ำดูปะการังที่ทะเลตรัง เนื่องจากธรรมชาติของทะเลที่นี่สมบูรณ์มากครับ ปะการังมีทั้งชนิดแข็งและชนิดอ่อน สีสันสวยงาม น้ำทะเลใสสะอาด ฝูงปลาน้อยใหญ่สีสันต่าง ๆ หลากหลายพันธุ์ ระหว่างที่เราดำน้ำอยู่ฝูงปลาก็จะมาแหวกว่ายวนเวียนอยู่เคียงข้างเรา ช่างมีความสุขจริง ๆ ครับ

          จังหวัดตรังอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณกว่า 800 ก.ม. ถ้าขับรถยนต์ไปก็จะใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ถนนมุ่งสู่ทางภาคใต้ผมว่าสะดวกขับรถสบาย ถ้าหากท่านผู้อ่านไม่อยากเสียเวลาในการเดินทางมาก ก็สามารถนั่งเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ไปลงที่สนามบินตรังได้ครับ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป เขาเปิดให้บริการวันละสองเที่ยวบิน คือเช้าและบ่าย การเดินทางสู่จังหวัดตรัง นอกจากขับรถไปเอง หรือนั่งเครื่องบินแล้ว ยังมีอีกสองวิธีคือ นั่งรถโดยสารประจำทาง หรือไม่ก็ รถไฟ แต่ครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการรถไฟครับ เป็นตู้นอนปรับอากาศชั้นโท เพราะสะดวกสบาย ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลาห้าโมงเย็น ไปถึงสถานีตรังประมาณแปดโมงเช้า เรียกว่า นอนตื่นเช้าขึ้นมาก็ถึงเลยครับ

          พอพวกเราลงจากรถไฟ ก็มองเห็นเจ้าหน้าที่ทีมงาน มายืนรอรับ แล้วก็พาไปทานอาหารเช้าแบบพื้นเมืองตรัง ของโปรดของผมและเพื่อนเลย นั่นคือ กาแฟ หมูย่างเมืองตรัง และมีขนมจีบ ซาลาเปา ติ๋มซำ หลายชนิด รวมทั้งปาท่องโก๋ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกาแฟตรังครับ อิ่มท้องกันแล้ว เราเดินทางไปที่ท่าเรือลงเรือออกท่องทะเล โปรแกรมวันนี้ คือ เกาะรอก อันที่จริงเกาะรอกนั้นอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ ขึ้นอยู่กับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา แต่เขาจัดรวมอยู่ในกลุ่มท่องเที่ยวทะเลตรัง

          นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกของผมและเพื่อน สำหรับการดำน้ำดูปะการังที่เกาะรอก แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ น้ำทะเลใสสะอาดมากราวกระจก ขนาดอยู่บนเรือยังมองเห็นแนวปะการังและปลาต่าง ๆ เลย ปะการังที่เกาะรอกเป็นชนิดแข็ง และมีปลาการ์ตูน (ปลานีโม่) อาศัยอยู่มาก รวมทั้งฝูงปลาชนิดอื่น ๆ ซึ่งนอกจากการดำน้ำดูปะการังแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้เพลิดเพลินกับการเล่นน้ำ เล่นหยอกล้อกับฝูงปลาอีกด้วย  พวกเราใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่ที่เกาะรอกนอกและเกาะรอกใน พอตกเย็น เรือก็พาพวกเรามาถึงเกาะไหงรีสอร์ท  คืนนี้พวกเราและคณะนักท่องเที่ยวเข้าพักที่นี่และรับประทานอาหารค่ำกันที่นี่ ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์บนเกาะไหง

          เช้าวันต่อมา เรามีโปรแกรมไปท่องทะเลตรังกันต่อ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว นั่งพักผ่อนกินลมชมวิวสักพัก เรือก็มารับพวกเราไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะเชือก ซึ่งนั่งเรือไปไม่ไกล ปะการังที่เกาะเชือกเป็นปะการังอ่อนมีหลายสี เช่น สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน ดอกไม้ทะเลก็โอนเอนพลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำเป็นภาพที่สวยงามมาก ส่วนไฮไลท์ของทะเลตรังที่พลาดไม่ได้คือ ถ้ำมรกต (Unseen in Thailand) นักท่องเที่ยวจะเกาะเสื้อชูชีพของคนข้างหน้าต่อกันเป็นแถวยาว เท้าของแต่ละคนต้องถีบจักรยานใต้น้ำ แล้วลอดเข้าไปในถ้ำซึ่งมีความมืดระยะทางในถ้ำประมาณ 80 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นคนนำทางเข้าไป พอโผล่พ้นถ้ำออกมาจะพบกับแสงสว่างและหาดทรายเล็ก ๆ สวยงามอยู่เบื้องหน้า ตรงจุดนี้จะปล่อยให้เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานพักใหญ่ ๆ จนหายเหนื่อย แล้วก็เข้าประจำที่ต่อแถว ลอดถ้ำกลับออกไปตามทางเดิม พอออกมาจากถ้ำมรกตแล้ว มองเห็นทุกคนมีรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะ ด้วยเต็มอิ่มกับความงดงามตามธรรมชาติของที่นี่

          และแล้วเรือก็พาเรามายังเกาะกระดาน จุดนี้ก็จะปล่อยให้นักท่องเที่ยวพักผ่อนสบาย ๆ แบบ Relax จริง ๆ  แล้วแต่ใครอยากจะดำน้ำดูปลาดาว หรือจะเล่นน้ำทะเลใส เล่นก่อกองทรายกับชายหาดสวย ๆ ก็สุดแท้แต่  เกาะกระดานนับเป็นเกาะที่มีชายหาดสวยงามที่สุดของจังหวัดตรัง และเคยใช้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรอันลือลั่นไปทั่วโลกมาแล้ว

          คืนที่สองนี้ พวกเราและคณะนักท่องเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศมาพักบนฝั่งที่หาดฉางหลาง ณ อมารี ตรัง บีช รีสอร์ท (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น อนันตรา สิเกา) ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูระดับห้าดาวแห่งเดียวในจังหวัดตรัง  สาย ๆ ของวันต่อมา พวกเราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมและเพื่อนจึงเดินทางกลับโดยสายการบินนกแอร์ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงกับยี่สิบนาทีก็ถึงกรุงเทพฯ แล้ว ผมยังมีเวลาพักผ่อนอยู่บ้านอีกเกือบทั้งวัน เพื่อที่ว่าวันรุ่งขึ้นผมจะได้ไปทำงานแต่เช้าด้วยพลังอันเต็มเปี่ยม หลังจากที่ไปชาร์จแบตเติมพลังให้แก่ร่างกายมาแล้ว

         นอกจากท่องเที่ยวทางทะเลแล้ว จังหวัดตรังยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก อาทิ ถ้ำเลเขากอบ ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็น Unseen in Thailand เป็นการนั่งเรือท้องแบนลอดถ้ำน้ำเข้าไป ว่ากันว่าเป็นถ้ำน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยจะมีเจ้าหน้าที่พายเรือหัว-ท้ายให้นักท่องเที่ยว และจะนำชมหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างแปลกตา ตามแต่จินตนาการ อยู่ภายในถ้ำต่าง ๆ และตื่นเต้นกับการนั่งเรือลอดหินย้อยที่มีลักษณะคล้ายท้องมังกร ซึ่งถือเป็นกิจกรรมสนุกสนานอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกต่าง ๆ ที่สวยงามอีกหลายแห่ง

          เวลาที่เรานั่งรถออกนอกตัวเมือง มองทิวทัศน์สองข้างทางจะเห็นถึงความร่มรื่นของต้นไม้ โดยเฉพาะสวนยางพาราซึ่งมีอยู่ดาษดื่น ผมทราบมาว่า ต้นยางพาราต้นแรกที่ปลูกในประเทศไทยก็อยู่ที่จังหวัดตรังนี่แหละครับ โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เป็นผู้นำพันธุ์มาจากประเทศมาเลเซีย มาทดลองปลูกที่อำเภอกันตัง แล้วได้ผลผลิตดี จนมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปในหลายท้องที่ หลายอำเภอ จนปัจจุบันการทำสวนยางพาราถือเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้ชาวสวนตรังเป็นอย่างมาก

          ท่านที่ยังไม่เคยไปเยือนจังหวัดตรัง ผมอยากเชิญชวนให้ไปกันครับ เพราะที่นี่ร่ำรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเล ผู้คนที่นี่มีน้ำใจและมีความเป็นมิตรต่อผู้มาเยือน ที่สำคัญอาหารการกินก็ไม่อร่อย ไม่แพง หากท่านได้มีโอกาสมาเยือนจังหวัดตรัง รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ