ReadyPlanet.com
ละไม มิวสิค
ละไม ไทยแลนด์
ละไม วาไรตี้
ละไม ต่างแดน
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา




Downunder ดินแดนแห่งซีกโลกใต้

ซิดนีย์  ออสเตรเลีย 

เรื่องโดย ละไม                                       

 

ละไมต่างแดนวันนี้ จะนำท่านมารู้จักกับประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปที่เล็กที่สุดในโลก แน่นอนครับผมหมายถึง ประเทศออสเตรเลีย แต่ถึงกระนั้นออสเตรเลียก็มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าประเทศไทยเราถึง 15 เท่า และเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้คนไทยก็มักจะส่งบุตรหลานไปเรียนหนังสือที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะระยะทางที่ใกลักว่าไปยุโรปหรืออเมริกา เราใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินประมาณ 8-9 ช.ม.เท่านั้นก็ถึงแล้ว


ประเทศออสเตรเลีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “The Commonwealth of Australia” หรือ “จักรภพออสเตรเลีย” ซึ่งประกอบไปด้วย 7 รัฐ และอีก 1 เขตปกตรองพิเศษ ได้แก่

             

            ชื่อรัฐ                                 เมืองหลวงของรัฐ

นิวเซาท์เวลส์                              ซิตนีย์

วิคตอเรีย                                   เมลเบอร์น

ควีนส์แลนด์                                บริสเบน

แทสมาเนีย                                โฮบาร์ท

ออสเตรเลียใต้                            อดิเลด

ออสเตรเลียตะวันตก                     เพิร์ธ

นอร์ธเทิร์น เทอริทอรี                    ดาร์วิน  

 

เขตปกครองพิเศษคือ กรุงแคนเบอรา หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Australian Capital Territory (ACT) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลียนั่นเอง

ออสเตรเลียตั้งอยู่ทางซีกโลกใต้ ฤดูกาลของที่นี่มี 4 ฤดู แต่จะสลับกันกับทางยุโรป ดังนั้นเราจำง่าย ๆ ว่า ชาวออสซี่ฉลองคริสต์มาสกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ในขณะที่ทางยุโรปฉลองคริสต์มาสกับหิมะและอากาศอันหนาวเหน็บ

            ฤดูร้อน     ประมาณ เดือน     ธ.ค. – ก.พ.           ฤดูใบไม้ร่วง  ประมาณ เดือน  มี.ค. – พ.ค.

            ฤดูหนาว           “               มิ.ย. – ส.ค.            ฤดูใบไม้ผลิ        “              ก.ย. – พ.ย.

 

            เมื่อพูดถึงประเทศออสเตรเลีย หลายคนก็คงนึกถึง เจ้าสัตว์ที่มีรูปร่างประหลาด ชอบกระโดดไปมา แถมยังมีกระเป๋าหน้าท้องเอาไว้ใส่ลูกน้อยของมันอีก เจ้าสัตว์ที่ว่าก็คือ “จิงโจ้ หรือ kangaroo”  ซึ่งถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียอีกด้วย  จิงโจ้มีแหล่งกำเนิดอยู่ในออสเตรเลียแห่งเดียวในโลกเท่านั้น จะว่าไปแล้วออสเตรเลียนี้เป็นดินแดนที่มีความแปลกอยู่ไม่น้อย เพราะมี สัตว์แปลก ๆ  พันธุ์ไม้แปลก ๆ กำเนิดอยู่บนดินแดนแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน และพบเห็นได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ถ้าเป็นสัตว์ก็เช่น จิงโจ้ มีหลายสายพันธุ์ ตั้งแต่ตัวเล็กเท่ากระต่ายแต่หน้าเป็นจิงโจ้  เรียกว่า วอลลาบี้, วอลลาลู  ส่วนจิงโจ้ขนาดปกติที่พบเห็นกันทั่วไปก็คือ จิงโจ้สีเทา (Gray Kangaroo) และจิงโจ้พันธุ์ใหญ่ที่สุด สูงเกือบ 2 เมตร เรียกว่า

จิงโจ้สีแดง (Red Kangaroo) นอกจากนี้ยังมี นกอีมู,  ตุ่นปากเป็ด,  พอสซัม,  และเคาล่า (Koala) เจ้าสัตว์หน้าตาน่ารักแต่ขี้เซาชอบกินใบยูคาลิปตัส หรือที่เรียกกันจนชินปากว่าหมีโคอาล่านั่นเอง  ส่วนพันธุ์ไม้แปลก ๆ ก็มี ดอกอุ้งมือจิงโจ้ , ต้นแบลคบอย ซึ่งเป็นที่ฮือฮาและกล่าวขวัญกันมาก ถึงต้นไม้ที่มีลักษณะแปลกเช่นนี้ ในงานพืชสวนโลกที่ผ่านมา

         
ชาวออสซี่นั้นส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ เมื่อประมาณกว่าสองร้อยปีที่แล้ว ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้นพบดินแดนแห่งนี้ และเห็นว่ามีความอุดมสมบูรณ์ ก็เลยมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อราวกว่า 30,000 ปีมาแล้ว ว่ากันว่า ชนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้คือ “ชาวอะบอริจิน” สันนิษฐานว่าอพยพมาจากทางอินโดนีเซีย ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเขาก็ออกลูกออกหลานดำรงชีวิตอยู่มาจนถึงยุคปัจจุบัน และยังพบเห็นศิลปวัฒนธรรม ของชาวอะบอริจิน ได้ทั่วไป เช่น ลวดลายศิลปะ,   ดนตรีพื้นเมือง เป็นเครื่องเป่ามีลักษณะ เป็นกระบอกไม้กลม ๆ ยาวถึงพื้น ปลายงอเล็กน้อย และมีการวาดลวดลายแบบศิลปะอะบอริจินบนเครื่องเป่านั้นอย่างสวยงาม,  บูมเมอแรง ทำด้วยไม้ ในอดีตเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการล่าสัตว์ แต่ปัจจุบัน ทำเป็นของที่ระลึก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาได้ทั่วไป อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะสืบเชื้อสายมาจากที่ใด แต่ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้ด้วยกันอย่างมีความสุข

 

            เอาละครับเรารู้จักประเทศออสเตรเลียทั้งในอดีตและปัจจุบันมาพอสมควรแล้ว ที่นี้หากท่านผู้อ่านจะเลือกออสเตรเลียเป็นเป้าหมายในการพักผ่อนในวันหยุดยาวของท่าน ควรจะไปที่ไหนและมีกิจกรรมอะไรแนะนำบ้าง  ก่อนอื่นต้องเรียนท่านผู้อ่านก่อนว่าชาวออสซี่นั้นชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย ไม่มีเบื่อ
 

         แต่ตอนนี้ขอนำท่านผู้อ่านไปยังเมืองที่ทั่วโลกรู้จักกันดีก่อน นั่นคือเมืองซิดนีย์ แท้จริงแล้วไม่ใช่เมืองหลวงแต่เป็นเหมือนศูนย์กลางของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยว  แฟชั่น การค้า การเงิน การธนาคาร ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  โดยเฉพาะ ซิดนีย์ โอเปร่า เฮ้าส์  เป็นโรงละครหรืออุปรากรที่ตั้งยื่นออกมาในอ่าวซิดนีย์  ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ด้วย  ถึงแม้จะหลุดโผ แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝันที่จะไปเยือนสักครั้ง เป็นสถานที่จัดแสดงอุปรากร คอนเสริ์ต  ละครเวที  บัลเล่ต์ นิทรรศการ มีสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตา บ้างก็ว่าเหมือนเปลือกส้ม บ้างก็ว่าเหมือนเปลือกหอย ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1973  ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 14 ปี  อยู่ไม่ไกลกันนั้นมี สะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ (Sydney Harbour Bridge) นอกจากจะเหมาะสำหรับชมวิวและถ่ายรูปแล้ว ยังมีกิจกรรมไต่ไปตามราวสะพาน (Bridge Climb) ปีนกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจะมีทีมงานแนะนำอบรมการปีนไต่สะพานก่อนและให้สวมชุด Bridge Suit พร้อมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมแล้วทีมงานนำผู้ร่วมกิจกรรมขึ้นไปบนสะพาน และปีนไต่ไปตามราวสะพานไปจนถึงจุดสูงสุดของสะพาน โดยใช้เวลาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มอบรมจนปีนสะพานเสร็จประมาณ 3-4 ช.ม. ถือเป็นกิจกรรมที่ท้าทายหนุ่มสาวชาวออสซี่เป็นอย่างมาก

 

การล่องเรือชมอ่าวซิดนีย์ก็ไม่เลว ได้พักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศของอ่าวที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ส่วนแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวซิดนีย์ก็คือ ดาร์ลิ่งฮาร์เบอร์ มีครบทุกสิ่ง ทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sydney Aquarium, พิพิธภัณฑ์ทางทะเล, ศูนย์การค้า, ตลาดขายของสด, ร้านอาหาร ฯลฯ  จากตัวเมืองซิดนีย์เดินทางออกนอกเมืองไปเพียง 30 นาที ท่านจะพบเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งนั่นคือหาดทรายชายทะเล หาดที่ใกล้ที่สุดคือ หาดบอนได ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่อง กีฬาโต้คลื่น  เป็นสวรรค์ของนักเล่นกีฬาโต้คลื่นทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

 

สวนสัตว์ที่อยู่ห่างตัวเมืองเพียงแค่  45 นาที คือ Australian Wildlife Park  มีสัตว์แปลก ๆ หาดูยากที่มีแหล่งกำเนิดเฉพาะในออสเตรเลียให้ชมมากมายและสามารถซื้อตั๋วชมโชว์การตัดขนแกะ ส่วนมื้อกลางวันลองชิมสเต๊กเนื้อแกะ ของที่นี่ทำอร่อยมาก ไม่มีกลิ่นสาบ  หากชื่อชอบป่าเขาลำเนาไพร Blue Mountain เป็นตัวเลือกที่วิเศษ จากตัวเมืองซิดนีย์ออกไปประมาณ 150 ก.ม.(ขับรถประมาณ 2 ชม.) ท่านจะได้สัมผัสธรรมชาติขุนเขา ที่นั่นมีกิจกรรมมากมาย เช่น นั่งรถรางที่ชันที่สุดในโลก ( Scenic Railway ) นั่งรถรางมีความลาดชันถึง 52 องศา สนุกตื่นเต้นท้าทาย ดำดิ่งลงไปข้างล่าง ในอดีตเป็นเหมืองถ่านหินโบราณ อากาศเย็นสบาย พอลงจากรถรางแล้วมีทางเดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้า (Scenic Scender Station) ซึ่งเป็นเขตป่าฝน ( Rain Forest ) ระหว่างทางมีพันธุ์ไม้โบราณ เฟริ์นโบราณ มากมายให้ศึกษา จากนั้นขึ้นกระเช้ากลับขึ้นมายังจุดเดิม

          นี่เป็นเพียงไฮไลท์ ของการท่องเที่ยวเมืองซิดนีย์เท่านั้น ยังมีอีกมากมายที่อยากแนะนำ ส่วนเมืองอื่น ๆ นั้นขอยกยอดไปว่ากันคราวหน้าครับ




ละไม ต่างแดน

10 อันดับ เมืองน่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก
เมลเบิร์น ออสเตรเลีย article
เวียนนา (Vienna) ออสเตรีย
Munich Germany
Madagascar’s Seven Wonders
สิงคโปร์ ( SINGAPORE )
เซิ่นเจิ้น (Shenzhen)
Pulau Langkawi
ลาว บ้านพี่ เมืองน้อง
Amsterdam
มาเลเซีย มนต์เสน่ห์ไม่เคยจางหาย
NEWYORK CITY
ท่องเมืองเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์
Visit Korea
ประเทศเกาหลีใต้ ตอนที่ 2
มาเก๊า MACAU
เวียดนาม ตอนที่ 2
กำแพงเมืองจีน
เวียดนาม
YOKOSO JAPAN
โสมเกาหลี