การแสดงโขน ชุดจองถนน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นเพื่อใช้เป็นมหรสพสำหรับพระนครแล้ว พระราชประสงค์ที่แฝงไว้อีกประการหนึ่ง คือ ใช้เป็นแบบอย่างของการประพฤติปฏิบัติ เป็นคติสอนใจ เช่น ความจงรักภักดีของข้าทหารที่มีแก่เจ้านายของตน เช่น หนุมาน หรือ คุณธรรมคุณความดีในสิ่งที่ถูกต้องที่พิเภกยึดมั่นประจำในใจของตน เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้เอง สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแสดงโขนพระราชทานขึ้นเป็นประจำทุกปีสืบมาและในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในปีพุทธศักราชนี้ ทรงเลือกชุดจองถนน คณะกรรมการได้รับสนองพระมหากรุณาธิคุณน้อมรับพระราชดำริให้มาดำเนินการ
การแสดงโขน ชุด จองถนน ในครั้งนี้ดำเนินตามบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประกอบกับบทโขนที่ครูอาจารย์ในกรมศิลปากรได้เรียบเรียงไว้ นำมาสอดประสานปรับเปลี่ยนการดำเนินเรื่องให้เหมาะสมกับปัจจุบัน โดยจุดประสงค์ที่ยังอนุรักษ์ศิลปะการแสดงแบบโขนหลวงไว้อย่างครบถ้วน ทั้งรูปแบบการบรรเลงขับร้องและกระบวนท่ารำที่วิจิตรงดงามมาแต่อดีตที่ถ่ายทอดผ่านครูอาจารย์มาถึงปัจจุบัน
เรื่องย่อโขน
เริ่มตั้งแต่ พระรามปรึกษาการศึก หลังจากที่ได้พาพลวานรจากเมืองขีดขินและเมืองชมพู ยกกองทัพมาตั้งทัพตรงข้ามกับเกาะกรุงลงกา พระรามปรึกษาหาวิธีที่จะข้ามไปยังกรุงลงกา ข้าทหารทั้งหลายต่างทูลอาสาต่างๆกันไป แต่เมื่อพญาวานรชามภูวราช ทูลแนะนำว่าควรจะถมถนนข้ามไปกรุงลงกาเพื่อให้ปรากฎเป็นเกียรติยศสืบไปชั่วกาลนาน พระรามทรงเห็นชอบ โดยให้สุครีพเป็นผู้กำกับคอยคุมหนุมานและนิลพัทรับอาสาผลัดกันเป็นฝ่ายขนหินมาถม แต่เนื่องจากทั้งหนุมานและนิลพัทหมางใจขุ่นเคืองกัน แต่ครั้งที่หนุมานเคยไปสะกดท้าวมหาชมพูให้มาเฝ้าพระราม ซึ่งเป็นการกระทำที่หักหน้านิลพัท นิลพัทจึงผูกใจเจ็บกับหนุมานตลอดมา ในการจองถนนครั้งนี้นิลพัทคิดการแก้แค้น เมื่อฝ่ายตนรับอาสาเป็นผู้ขนหินมาถมถนนก่อน นิลพัทขนหินมามากมาย หนุมานให้นิลพัทโยนหินลงมาทีละสองก้อน แต่นิลพัทท้าทายว่าเมื่อขนมาเท่าใดหนุมานจะต้องรับหินให้ได้ ในที่สุดหนุมานก็รับไว้ได้ ครั้นถึงคราวที่หนุมานขนมาบ้าง หนุมานเนรมิตรกาย ขนหินมาเต็มทั้งตัวโดยผูกไว้กับขนรอบกาย นิลพัทก็เกี่ยงให้โยนมาทีละน้อย ถ้าโยนมามากรับไม่ไหวจะใช้เท้ารับ ในที่สุดเมื่อนิลพัท ใช้เท้าช่วยรับจึงเกิดการวิวาทต่อสู้กันขึ้น สุครีพเข้าห้ามปราม เมื่อพระรามได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม จึงให้พระลักษณ์เสด็จออกมาดู พระลักษณ์ทราบเรื่องจึงพาทั้งสองพญาวานรเข้าเฝ้า พระรามได้พิจารณาโทษเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายก็ล้วนแต่เรืองฤทธานุภาพ เปรียบเสมือนเสือ 2 ตัว ไม่สมควรที่จะให้อยู่ถ้ำเดียวกัน พระรามจึงให้นิลพัทกลับไปช่วยท้าวมหาชมพูดูแลเมืองขีดขินและมีหน้าที่ส่งเสบียงเลี้ยงกองทัพ ส่วนหนุมานนั้นให้ดำเนินการถมถนนข้ามไปกรุงลงกาแต่ผู้เดียวให้สำเร็จ หนุมานจึงดำเนินการ แต่ในขณะที่ถมหินทำถนนนั้น ทศกัณฐ์ทราบข่าวจึงใช้ให้นางสุพรรณมัจฉา ธิดาซึ่งเกิดจากนางปลา พาบริวารไปทำลายการจองถนน เมื่อหนุมานเห็นมีเหตุการ์ณผิดปกติจึงดำน้ำลงไปสำรวจ พบนางสุพรรณมัจฉา ในที่สุดหนุมานได้นางเป็นชายาและขอให้นางพาบริวารปลาไปขนก้อนหินมาถมไว้ดังเดิม การถมถนนข้ามไปกรุงลงกาจึงสำเร็จลงได้ พระอินทร์ใช้ให้พระวิสุกรรม นำเวชยันตราชรถมาถวายพระราม พระรามทรงรถพาพลวานรข้ามไปยังกรุงลงกาได้สำเร็จ และเป็นพระเกียรติยศยิ่งใหญ่ ปรากฎเป็นถนนพระรามข้ามไปทำศึกกับกรุงลงกาของทศกัณฐ์ พระรามทำศึกต่อสู้กับฝ่ายกรุงลงกาที่นำพระญาติวงศ์และราชสัมพันธมิตรออกรบ แต่ก็พ่ายแพ้ ในการศึกที่ทศกัณฐ์ออกรบเป็นครั้งแรกนี้ ทศกัณฐ์ประเดิมศึกพาพระโอรสที่เกิดจากนางสนม 10 ตนพร้อมกับ สิบขุน ออกรบด้วย ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นสามารถ ในการศึกครั้งนี้สิบขุนสิบรถถูกฆ่าตายหมด ทศกัณฐ์แผลงศรบันดาลเป็นไฟไหม้กองทัพพระราม พระรามแผลงศรเป็นน้ำดับไฟได้ ศรพระรามปักอุระทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์แก้ไขได้ ประจวบกับเป็นเวลาใกล้ค่ำพระอาทิตย์อัสดง กองทัพของทั้งสองฝ่ายจึงหยุดหย่าทัพตามจารีตกระบวนศึกที่มีมา
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.khonperformance.com
สำรองที่นั่งได้ที่ : www.thaiticketmajor.com