มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน

Mae Hong Son in Green Season

          แม่ฮ่องสอน เมืองที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนคู่ขนานไปกับเทือกเขาถนนธงชัย มีพื้นที่ราบเพียงแค่ 10% ของพื้นที่ทั้งหมด อุดมไปด้วยทรัพยากรด้านท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ โบราณสถาน วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชนเผ่าถึง 8 เผ่า นี่คือเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือนแม่ฮ่องสอนกันอย่างไม่ขาดสาย โดยส่วนใหญ่จะมาเยี่ยมเยือนกันในช่วงปลายปีถึงต้นปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว จนทำให้ที่พักไม่เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีราคาสูง และการจราจรติดขัด การเดินทางไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไรนัก โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างเมืองปาย

          แต่แท้ที่จริงแล้ว แม่ฮ่องสอนในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึง กันยายน (Green Season ) นั้น น่าอภิรมย์นัก เนื่องจากป่าไม้จะอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่นเขียวขจี ได้สัมผัสความสวยงามแตกต่างกันไป อากาศก็เย็นสบาย ไม่หนาวไม่ร้อน และไม่ต้องเผชิญกับความแออัดของนักท่องเที่ยว แล้วก็ยังมีอะไรให้น่าค้นหาไม่แพ้กัน

          ใครที่เคยไปเยือนปายในช่วงฤดูหนาว คงเคยสัมผัสกับบรรยากาศที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนจนเรียกกันว่า เมืองปายแทบแตก ปีนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปในช่วง Green Season กันบ้าง แล้วจะประทับไม่รู้ลืมกับมนต์เสน่ห์แห่งสีเขียวของพืชพรรณไม้ต่าง ๆ เดินทางสะดวกสบาย ที่พักก็หาง่าย ราคาไม่แพง ไม่แออัดเบียดเสียดกัน รู้อย่างนี้แล้วรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ไปเที่ยวกันดีกว่า

          อำเภอปาย เป็นเมืองเก่าแก่ของแม่ฮ่องสอน ผู้คนท้องถิ่นดั้งเดิมคือ “ชาวพ่าย” หรือ “ไปร”  มีหลักฐานว่า เจ้าเมืองคนแรกคือ ขุนส่างปาย ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า เมืองปายเป็นเมืองสำคัญของล้านนา ในสมัยราชวงศ์มังราย ต่อมาเมืองปายได้ร้างไป พร้อมกับเมืองเชียงใหม่ จนประมาณปี พ.ศ. 2318 – 2338 เมืองปายได้ฟื้นฟูเป็นหมู่บ้านและพัฒนาเป็นอำเภอปาย โดยมีผู้คนหลายกลุ่มชาติพันธุ์ อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ ได้แก่ คนไทยวน (คนเมือง)  ชาวไทใหญ่ ชาวปกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) และชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ จนปัจจุบันอำเภอปายได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของแม่ฮ่องสอน มีที่พักระดับถูกจนถึงแพง ร้านอาหาร รวมทั้งสนามบินขนาดเล็ก ว่ากันว่าสนามบินปายเป็นสนามบินที่เครื่องบินลงจอดยากเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว

Green Season เป็นช่วงฤดูน้ำหลาก กิจกรรมที่โดดเด่นมาก ใคร ๆ ก็นึกถึงคือ ล่องแก่งน้ำปาย แม่น้ำปาย เป็นแม่น้ำสายหลักของแม่ฮ่องสอน ไหลผ่าน 3 อำเภอ ได้แก่ ปาย ปางมะผ้าและ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ก่อนไหลไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวิน เขตรัฐคะยา สหภาพเมียนมาร์ ความยาว 180 กิโลเมตร มีทัศนียภาพสองข้างทางตามแม่น้ำที่สวยงามของธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร การล่องแก่งน้ำปาย มีระดับน้ำของการล่องในแต่ละฤดูกาล ดังนี้

ฤดูฝน               ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน  ระดับความยากของแก่งตั้งแต่ระดับ 3 – 5

ฤดูหนาว            ตั้งแต่เดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ ระดับความยากของแก่งตั้งแต่ระดับ 2 – 3

ฤดูแล้ง             ตั้งแต่เดือนเมษายน – พฤษภาคม ปริมาณน้ำลดลง เป็นช่วงที่หยุดกิจกรรมการล่องแก่ง เพื่อพักฟื้นธรรมชาติให้กลับคืนความสวยงามอีกครั้ง

เส้นทางการล่องแก่งแม่น้ำปาย มี 2 ระยะทาง

เริ่มต้นจากแม่น้ำปาย บริเวณ อ.ปาย สิ้นสุดที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ บ้านปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน มีการตั้งแคมป์พักแรมระหว่างเส้นทาง จะผ่านแก่งต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ กระโดดหน้าผาลงน้ำ

เริ่มต้นจากแม่น้ำของ ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำปายที่อ.ปางมะผ้า สิ้นสุดที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ บ้านปางหมู่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร มีทั้งโปรแกรม 1 วัน และโปรแกรม 2 วัน 1 คืน มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมตลอดเส้นทาง จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ ทั้งนักล่องแก่งมือใหม่ จนถึงมืออาชีพ

          นอกจากการล่องแก่งแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อย่างเช่น การนั่งช้างชมธรรมชาติ ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะจะได้สัมผัสและซึมซับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และยังเป็นการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นโดยตรงอีกด้วย ทำให้ช้างไม่ต้องไปเร่ร่อนในเมือง ปางช้างในอำเภอปาย มีอยู่ 3-4 แห่ง ทั้งหมดอยู่ทางด้านถนนสายใน จากวัดพระธาตุแม่เย็นไปทางโป่งน้ำร้อนท่าปาย อัตราค่าบริการราคาใกล้เคียงกัน ส่วนปางช้างในอำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน มีที่ปางช้างบ้านห้วยเดื่อ และปางช้างบ้านห้วยต่อ โดยมากนักท่องเที่ยว นิยมการนั่งช้างในช่วงเช้าก่อนจะไปสนุกสนานกับกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ

           การเดินป่าสัมผัสธรรมชาติ สำหรับบางคนที่ยังไม่เคยเดินป่ามาก่อน อาจจะบอกบ๊ายบายกับกิจกรรมนี้ แต่ถ้าลองดูสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยก็เพื่อเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต การเดินป่าหน้าฝนนั้นมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง เราได้ซึมซับความชุ่มฉ่ำของป่าไม้เขียวขจี ก็พลอยทำให้จิตใจของเราแจ่มใสร่าเริงไปด้วย แต่ถ้าจะให้ดี ควรมีไกด์ผู้นำทางไปด้วยทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจหลงป่าหรือ โดนทากดูด แม่ฮ่องสอนมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ถึงกว่า 80% และสภาพภูมิศาสตร์เป็นภูเขา 90% จึงเป็นความท้าทายของนักเดินทางผู้แสวงหาธรรมชาติ ซึ่งแม่ฮ่องสอนติดอันดับ Top 10 ของชาวต่างชาติที่ชอบเดินป่า โดยเส้นทางเดินป่ามีหลายระดับ และใช้เวลา 1 วัน ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย ทั้งทางด้านอำเภอปาย ปางมะผ้า และ อำเภอเมือง

         ผมก็เลยขอถือโอกาสนี้ เชิญชวนท่านมาท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนในช่วง Green Season กันครับ มาสัมผัสความเขียวชะอุ่มชุ่มชื่น และเปิดมุมมองใหม่เพื่ออ้าแขนรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนครับ

ขอบคุณ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน