ไหว้พระ ที่สระบุรี                                                                                  

อลิสา..........เล่าเรื่อง

            ดิฉันและครอบครัวคุยกันว่า อยากจะไปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว เพราะไม่ค่อยได้เข้าวัดซะนาน ก็เลยตกลงกันว่าพวกเราจะไปไหว้พระที่จังหวัดสระบุรี เพราะอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ขับรถสะดวก และแต่ละวัดก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร ใช้เวลาเดินทางไม่มาก

            เคยอ่านในหนังสือพบว่า จังหวัดสระบุรีนี้เป็นเมืองเก่าแก่โบราณ สันนิษฐานว่าตั้งขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพื้นที่เขตเมืองลพบุรีกับเมืองนครนายก บางส่วนมารวมกัน แล้วตั้งขึ้นเป็นเมืองสระบุรี เพื่อต้องการให้เป็นจุดระดมประชาชนพลเมืองในยามเกิดศึกสงคราม

            ดิฉันและครอบครัวออกจากบ้านช่วงสาย ๆ ของวันเสาร์ คาดว่าวันนี้เราคงจะไปได้สัก 3-4 วัด วัดแรกที่พวกเราไปกันก็คือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว ดิฉันเคยมาที่วัดนี้หลายครั้งเมื่อตอนเด็ก ๆ แต่ปัจจุบันนี้ ทางวัดมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ดูเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง แต่ที่ดิฉันเห็นว่า ไม่เปลี่ยนเลย ก็คือการที่มีผู้คนมากราบไหว้ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างเนืองแน่นเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ซึ่งในวันที่ดิฉันมานั้นมีผู้คนมากพอสมควร ได้ยินคนแถวนี้บอกว่าวันเสาร์และอาทิตย์ ที่วัดนี้ มีผู้คนเนืองแน่นเป็นประจำ

            พวกเราเดินเข้าไปภายในพระมณฑป เพื่อเข้าไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย ซึ่งถือเป็นปูชนียสถานสำคัญของชาวพุทธ ว่ากันว่า รอยพระพุทธบาทนี้ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราวครอบไว้ ต่อมาได้มีการต่อเติมอีกหลายครั้งหลายสมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ เมื่อครั้งเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท

            พระมณฑปที่สร้างครอบรอยพระพุทธบาทนั้น เป็นมณฑปที่สวยงามมาก ทางขึ้นเป็นบันไดนาคสามสาย หมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงมาจากสรวงสวรรค์ หลังจากที่ได้กราบสักการะรอยพระพุทธบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินออกมาตีระฆังที่แขวนเรียงรายอยู่รอบ ๆ พระมณฑป  สมัยเด็ก ๆ พอกราบรอยพระพุทธบาทแล้ว ดิฉันก็จะมาที่ บ่อพรานล้างเนื้อ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระพุทธบาท เป็นบ่อหินขนาดไม่ใหญ่มาก ใกล้กับบ่อมีหลุมลึกลงไป และมีน้ำไหลออกจากหลุมนี้ตลอดเวลา คนแถวนี้บอกว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานเล่าว่า พรานบุญผู้พบรอยพระพุทธบาทเป็นผู้ที่นำเนื้อมาล้างที่บ่อนี้ โดยคุกเข่าและก้มลงล้างเนื้อในบ่อ จึงทำให้บริเวณปากบ่อมีลักษณะเหมือนรอยเข่าคน ส่วนหลุมนั้นคือ รอยปักหอกของพรานบุญ

            ออกจากวัดพระพุทธบาท เราก็ไปต่อที่ วัดเขาวง หรือ วัดถ้ำนารายณ์ วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ตามประวัติเล่าว่า วัดนี้เคยเป็นที่ประทับพักแรมของกษัตริย์ถึงสองพระองค์ คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อครั้งเสด็จจากวังนารายณ์ ลพบุรี เพื่อเสด็จไปว่าราชการที่กรุงศรีอยุธยา และสมัยพระเจ้าทรงธรรม เมื่อครั้งเสด็จมานมัสการรอยพระพุทธบาท ที่วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปที่วิจิตรงดงามประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งมีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ และมีรอยจารึกอักษรโบราณอยู่ที่ผนังถ้ำ นอกจากนี้ทางวัดยังเปิดฝึกอบรมการปฏิบัติธรรมให้แก่ผู้สนใจมานั่งปฏิบัติธรรมภายในถ้ำอีกด้วย

            จากวัดเขาวง มีชาวบ้านแถวนั้นแนะนำให้พวกเราไปที่วัดเขาแก้ววรวิหาร ที่อำเภอเสาไห้ เขาว่าที่นี่มีพระเจดีย์รูปทรงไทย 5 ยอดสวยงามมาก เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้ พวกดิฉันก็เลยไปตามที่ชาวบ้านเขาแนะนำมา พอไปถึงที่วัด ก็รีบไปกราบที่พระเจดีย์ก่อนเลย และรู้สึกเหมือนที่ชาวบ้านบอกมาจริง ๆ ว่า องค์พระเจดีย์นี้สวยงามมาก เป็นเจดีย์ศิลปะล้านนา ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุสาวก มีคำเล่าลือกันมานมนานว่า ในบางคืนจะเห็นดวงแก้วสุกสว่างเหนือวิหารเขาแก้ว ซึ่งเป็นการแสดงปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในองค์พระเจดีย์

            ก่อนกลับกรุงเทพฯ พวกเราคุยกันว่า วันนี้เราได้ไปกราบรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้ายแล้ว ก็ควรจะไปกราบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาด้วย ว่าแล้วพวกเราจึงแวะที่ วัดพระพุทธฉาย ซึ่งวัดนี้มีเงาหรือพระพุทธฉายของพระพุทธเจ้าอยู่บนหน้าผา เป็นลักษณะพระพุทธรูปประทับยืนเป็นลายเส้น สูง 5 เมตร ตามตำนาน (อีกแล้ว) เล่าว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่เขาพระฉายนี้ ได้กระทำพุทธปาฎิหาริย์ เพื่อให้พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ปรากฏอยู่ที่หน้าผา และเสด็จประทับรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาไว้บริเวณยอดเขา

ที่จริงแล้ว จังหวัดสระบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ยิ่งในช่วงปลายปี หรือช่วงฤดูหนาว (ที่ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่) ประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม เขาจัดเทศกาลทุ่งดอกทานตะวัน แถว ๆ อำเภอวังม่วง เพราะที่นี่นับเป็นแหล่งปลูกดอกทานตะวันที่ขึ้นชื่อของไทยแห่งหนึ่ง ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมความสวยงามของทุ่งดอกทานตะวันอันเหลืองอร่ามกันเป็นจำนวนมาก  ดิฉันและครอบครัวก็เคยมาเหมือนกันค่ะ และยังซื้อเมล็ดทานตะวันอบแห้ง น้ำผึ้งดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นของฝากกลับบ้านด้วย 

            หากท่าน มีเวลาว่างไม่มากนัก จังหวัดสระบุรีก็นับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเที่ยวน้ำตก ธรรมชาติ ป่าเขา หรือมาไหว้พระ จะได้อิ่มบุญกลับไปอย่างดิฉันและครอบครัวค่ะ

ละไมไทยแลนด์ดอทคอม