ชายหาดที่ยังครองใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน คงต้องยกให้หาดพัทยา จ.ชลบุรี ล่ะครับ พัทยานับเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพฯ มานานหลายสิบปีแล้ว และไม่เคยเสื่อมความนิยมลงเลย เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และการเดินทางก็สะดวก โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตามบริเวณชายหาดพัทยาจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เรียกว่า ที่จอดรถแถวถนนเลียบหาดแทบไม่มี เก้าอี้ชายหาดแทบไม่ว่างเลย และเมนูยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่สั่งรับประทานในมื้อกลางวันตามชายหาด ก็คงจะหนีไม่พ้น ส้มตำปูทะเล ทานส้มตำไป ชมวิวชายทะเลไป ได้บรรยากาศดีครับ แต่หากท่านผู้อ่านอยากเปลี่ยนแนวไม่เล่นน้ำทะเล ก็ลองตะลอนทัวร์เที่ยวบกดูบ้างก็ได้ เพราะพัทยาและบริเวณใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจครับ

            จากกรุงเทพฯ ผมและเพื่อนทีมงานละไมไทยแลนด์ ขับรถมาตามเส้นทางมอเตอร์เวย์ แสนสะดวกรวดเร็ว พอลงจากมอเตอร์เวย์ ก่อนถึงเมืองพัทยา ก็จะเป็นเขตอำเภอศรีราชา ซึ่งที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ครั้งนี้ผมและเพื่อนไปแวะที่ สวนเสือศรีราชา ผมต้องยอมรับว่าไม่ได้มาที่นี่นานแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ก็ถือเป็นการอัพเดทสถานที่ก็แล้วกันครับ

            สวนเสือศรีราชา (SRIRACHA TIGER ZOO) สภาพแวดล้อมโดยรวม ตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้า รวมถึงบรรยากาศภายในสวนเสือ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสักเท่าไร วันที่ผมไปนั้นเป็นวันเสาร์ จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังคงหนาแน่นเหมือนเดิม โดยเฉพาะชาวเกาหลีที่มากันเป็นหมู่คณะ หลายคณะด้วยกัน ส่วนชาวไทยก็จะมากันเป็นครอบครัว หรือเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง บรรยากาศอบอุ่นดีครับ

บางท่านที่ยังไม่มีโอกาสไปเยือน อาจเข้าใจว่า สวนเสือศรีราชา มีแต่เสืออย่างเดียว อันที่จริงแล้วนอกจากเสือ ที่นี่ยังมีสัตว์อื่น ๆ ให้เที่ยวชมหลายชนิด เช่น จระเข้ ลิง ช้าง หมู อูฐ จิงโจ้แคระ กวางดาว นกกระจอกเทศ ฯลฯ  แต่ไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมากคือ การแสดงความสามารถของสัตว์แสนรู้ต่าง ๆ อาทิ “อะเมซิ่ง เซอร์คัส” ละครสัตว์แห่งแรกในประเทศไทย เป็นการแสดงความสามารถของเสือโคร่ง หมี ลิงชิมแพนซี  การแสดงการต่อสู้และจับจระเข้ของไกรทองหนุ่มและไกรทองสาว  ราชินีแมงป่อง คือหญิงสาวที่แสดงความสามารถโดยให้แมงป่องช้าง (ซึ่งถือเป็นสัตว์มีพิษ) เกาะอยู่ตามร่างกายเป็นจำนวนมากโดยไม่เป็นอะไรเลย  การแสดงของช้างน้อยน่ารัก วิ่งแข่งหมู ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะของผู้เข้าชมได้เป็นอย่างมาก และความสัมพันธ์ของลูกเสือกินนมแม่หมู

เนื่องด้วยสวนเสือศรีราชา มีพื้นที่กว้างขวางถึง 250 ไร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถใช้เวลาทั้งวันอยู่ในสวนเสือได้อย่างไม่รู้เบื่อ ที่นี่มีพฤติกรรมของสัตว์ที่น่าสนใจให้ศึกษา โดยเฉพาะเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลซึ่งมีถึง 200 กว่าตัว และจระเข้ทั้งน้ำจืดน้ำเค็มรวมกันกว่า 100,000 ตัว

จากสวนเสือศรีราชา ผมและเพื่อนขับรถเลยเมืองพัทยาไปก่อน ตั้งใจว่าจะตะลอนไปแถวสัตหีบก่อน แล้วค่อยกลับมาที่หาดพัทยา แล้วเย็น ๆ ค่อยกลับกรุงเทพฯ อ้อ! ทริปนี้พวกผมมาแบบไปเช้า เย็นกลับครับ

พอถึงอำเภอสัตหีบ ผมไปที่ วิหารเซียน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันโดยทั่วไป แต่มีชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า “อเนกกุศลศาลา”  ที่นี่ก่อตั้งมาเกือบยี่สิบปีแล้ว โดยชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารร่วมใจน้อมเกล้าฯ สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบจีนสวยงาม ภายในอาคารจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ซึ่งผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืน รวมแล้วกว่าพันชิ้น ของมีค่าที่จัดแสดงจำนวน 328 ชิ้น รัฐบาลของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมอบให้ เพื่อจัดแสดงเป็นการถาวรที่นี่ รวมทั้งงานศิลปกรรมไทยอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธชินราชจำลอง และรูปหล่อเทพเจ้าของจีน ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

            ออกจากวิหารเซียน พวกผมก็ขับรถเดินทางเข้าไปในเขตกองทัพเรือ เพื่อเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เป็นศูนย์เพาะฟักและเพาะเลี้ยงเต่าทะเล โดยเฉพาะเต่าตนุและเต่ากระ ซึ่งมีแหล่งวางไข่อยู่บริเวณเกาะครามในเขตของกองทัพเรือนี่เอง เต่าทะเลที่นี่จะถูกเลี้ยงไว้ในบ่อคอนกรีตสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีอยู่หลายบ่อด้วยกัน ลูกเต่าทะเลมีอายุตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึง 6 เดือน พอหลังจาก 6 เดือน เขาจะปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลบ่อเลี้ยงให้สะอาดอยู่เสมอ ครั้งก่อนที่ผมเคยมาที่นี่ ยังมีนักท่องเที่ยวบางตาเพราะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ แต่วันนี้ผมว่าจำนวนผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ

ผมใช้เส้นทางภายในเขตกองทัพเรือ ขับรถไปประมาณสิบนาที ก็ถึงจุดจอดเรือรบหลวงจักรีนฤเบศร   ที่ท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด ในฐานทัพเรือสัตหีบ เรือลำนี้ถูกสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระองค์ทรงพระราชทานนามว่า “ จักรีนฤเบศร “  ซึ่งหมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี

โดยภารกิจสำคัญมีหลายประการ อาทิ เป็นเรือธงควบคุมและบังคับบัญชากองเรือในทะเล สนับสนุนการปฎิบัติการทางทหารให้กับกองเรือ ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล เป็นต้น ในวันที่ผมไปนั้นแดดจัดและลมแรงมาก หากท่านขึ้นไปชมทิวทัศน์บนดาดฟ้าของเรือ ควรสวมแว่นกันแดดและหมวกที่มีสายรัดด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นหมวกปลิวแน่ ผมมองเห็นหลาย ๆ ครอบครัวสนุกสนานกับการผลัดกันถ่ายรูป โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่รู้สึกตื่นเต้นกับการที่ได้มาเยี่ยมชมเรือลำใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ และพวกผมเองก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากกับเรือรบหลวงลำนี้ของไทยครับ

เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร เปิดให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันครับ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. สำหรับชาวไทยนะครับ หากเป็นชาวต่างชาติต้องทำหนังสือถึงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการสัตหีบ ก่อนเข้าชม สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-4661180, 02-4661371

ใกล้เย็นแล้ว ผมและเพื่อนจึงขับรถมานั่งเล่นที่ชายหาดพัทยา จุดประสงค์ไม่ได้มาเล่นน้ำหรอกครับ แต่อยากมานั่งพักผ่อนกินลมชมวิว ครั้งนี้พวกผมไม่ได้มาค้างคืน ตั้งใจว่าจะนั่งเล่นสักพัก แล้วไปหาอาหารทะเลอร่อย ๆ ทานกัน แล้วค่อยขับรถกลับกรุงเทพฯ  ท่านผู้อ่านครับ ทริปนี้ของพวกผมก็คงสรุปได้ว่า พัทยาในวันนี้ ก็ยังเป็นสวรรค์ของการพักผ่อน และยังอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวตลอดไป

 เรื่อง / ภาพ    โดย นายสุขใจ